นายกฯอิดโรยเป็นหวัดมาหลายวัน ชี้ 'วีรบุรุษ' ส่วนใหญ่ตายหมดแล้ว
"พล.อ.ประยุทธ์" อิดโรยเป็นหวัดมาหลายวัน สู้แถลงมอบนโยบายรัฐบาลต่อผู้บริหาร-ข้าราชการระดับสูง ลั่นรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ปมรธน. ขอโทษรมต. ชี้ไม่มีใครทำงานสำเร็จได้เพียงผู้เดียว ไม่มีวีรบุรุษ ระบุตายไปหมดแล้ว
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูง โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ หัวหน้าส่วนราชการระดับสูง และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ จากทุกหน่วยงาน ประมาณ 800 คน เข้าฟัง ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าในการรักษาความปลอดภัยนอกจากใช้มาตรการชั้นสูงสุดแล้ว ยังมีความละเอียดในการป้องกันมากกว่าทุกขั้น ถึงขั้นแยกช่องในการเข้าออกของนายกฯ ครม.และผู้เข้าร่วมงานออกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งคาดว่าในทางการข่าวอาจยังมีสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ หลังจากยังมีการสร้างสถานการณ์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยินดีที่ได้พบกัน เราได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง และจะปัญหาทุกมิติ ให้กับประเทศและส่วนรวม ทั้งนี้ ทุกคนทราบดีว่าได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ไปแล้ว พร้อมกันนี้ ยังได้มีการกำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินไปแล้ว โดยรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภามา ระหว่างวันที่ 25-26 กรกฎาคมที่ผ่านมา เรียบร้อยแล้ว ส่วนนโยบายของรัฐบาล ทุกคนคงได้ศึกษาในรายละเอียดมาพอสมควร ซึ่งเป็นการสืบสานการทำงานต่อเนื่องจากพื้นฐานที่มีอยู่เดิม รวมทั้งแก้ปัญหาที่มีอยู่เดิม เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งมีทั้งนโยบายเร่งด่วนระยะสั้น กลาง ยาว สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ต้องขอโทษด้วยเพราะร่างกายยังไม่เต็มร้อย เพราะเป็นไข้หวัด แต่ใจนั้นเกิน ร้อย ไม่ต้องห่วง ขอให้ทุกคนใจเกินร้อยไปกับนายกฯด้วย โดยเมื่อเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งที่ทำให้มีความสุขคือ การเห็นรอยยิ้มของทุกคน มีมิตรไมตรีต่อกัน โดยแสดงต่อคณะรัฐมนตรีของตน ซึ่งแสดงความพึงพอใจในการทำงานของรัฐบาล และคาดหวังจะมีการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น สำหรับการพูดคุยวันนี้ ก็เพื่อที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ โดยต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน บนพื้นฐานของกฎหมาย ซึ่งต้องสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป รวมถึงแผนแม่บทและรัฐธรรมนูญ โดยมีระบบการตรวจสอบ ซึ่งหลายอย่างอาจมีปัญหาบ้าง โดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ช่วยกันคิดถึงข้อติดขัดที่มีอยู่เดิม เพราะหลายอย่างต้องมีวิธีการที่เปลี่ยนแปลงไป จึงขอฝากไปถึงสำนักงานพูดตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ให้ดูแลด้วย บางเรื่องก็ต้องปรับ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้ทุกอย่างเดินไปได้พร้อมๆ กัน มิเช่นนั้นจะเดินหน้าไปไม่ได้
“เรื่องแรกที่เป็นประเด็นสำคัญ ผมขอเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว นั่นคือเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมเป็นห่วงกังวลอยู่อย่างเดียว ว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำงานได้ ก็หวังให้ทุกคนได้ทำงานต่อไป อย่างไรก็ตาม ต้องไปศึกษาในรัฐธรรมนูญดู ว่าเขียนว่าอย่างไร อย่างไรก็ตาม ก็คงยังจะมีรัฐบาลอยู่ และไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอโทษบรรดารัฐมนตรีด้วย เพราะผมถือว่าผมได้ทำของผมเต็มที่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญเร่งด่วน คือเรื่องรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญและกฎหมายหลายฉบับได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน และสอดคล้องกับปัญหาที่เกิดขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใหม่รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับมีจุดมุ่งหมายของมันเอง ต้องทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอย่างสากล คำว่าสากลของเรากับสากลของเขาก็ไม่ได้แตกต่างกัน ต่างกันที่ผู้ปฏิบัติ ผู้ใช้ หรือคนในประเทศ เพราะมีพื้นฐานที่แตกต่างกันอยู่มากพอสมควร เพราะหลายอย่างเราก็อยากเป็นแบบเขา แต่อย่าลืมว่าประเทศนั้นๆ ได้พัฒนามาหลาย 100 ปี บางประเทศมีปัญหามากกว่าเราด้วยซ้ำ แต่วันนี้เขาเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการนำไปสู่การปฏิบัติ เพราะส่วนใหญ่เรามักจะมีปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่ต้องนำมาปฏิบัติให้เกิดผล ไม่ใช้ในทางที่ผิด หรือเอื้อประโยชน์ให้เกิดการทุจริตประพฤติมิชอบหรือทำให้เกิดความขัดแย้ง ทั้งนี้เมื่อใช้แล้วต้องเกิดความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
นายกฯ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญคือกฎหมายสำคัญของประเทศ ซึ่งต้องไปดูในรายละเอียดว่าแต่ละมาตรานั้นเขียนว่าอย่างไร เราต้องมองให้สอดคล้อง อย่ามองเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง มิเช่นนั้นจะทำงานไม่ได้ทั้งหมด ทุกคนต้องมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือประเทศชาติ แล้วจะเดินหน้าต่อไปได้ วันนี้เราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทั้งการปฏิรูปประเทศและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้แล้ว แต่ต้องสอบถามประชาชนด้วยว่าจะได้ประโยชน์อะไร โดยจะทำตรงไหนอย่างไรตนไม่ขัดข้อง และพร้อมยอมรับ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอฝากไว้ด้วยว่าเราจำเป็นต้องสร้างการรับรู้ระหว่างประชาชนและข้าราชการให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาประชาชนมักรู้ทีหลัง อาจจะเป็นเพราะการถ่ายทอดลงไปไม่ดี หากมีโอกาสขอให้ทุกกระทรวงลงไปชี้แจง หรือให้ตัวแทนภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในทุกเรื่อง เพื่อที่จะได้ร่วมคิดร่วมทำกันตั้งแต่แรก ไม่ใช่ทำไปแล้วมีปัญหาการคัดค้าน ทั้งนี้ ต้องยึดกฎหมายเป็นพื้นฐาน อย่าให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วมากดดันรัฐบาล ข้าราชการต้องมีคำตอบให้ประชาชนทุกเรื่อง เพราะที่ผ่านมาในอดีตนั้น เรามีปัญหาค่อนข้างมาก แต่วันนี้เรามีกระบวนการประชาธิปไตย
“เรื่องเก่าๆผมอยากขอร้องว่า อะไรที่ไม่ควรพูดก็ไม่ต้องพูด อะไรที่พูดได้ก็พูดไป ผมเองเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดอยู่แล้ว วันนี้เราได้คนดีๆเข้ามาทำงาน ขอให้ใช้เวลาในการพิสูจน์ฝีมือ ซึ่งต้องให้เกียรติกันและกัน ผมให้เกียรติทุกคนและผมมีความสุข ที่ได้ทำงานกับคณะรัฐมนตรีทุกคน แม้ที่ผ่านมาจะใช้เวลากันไม่นานนัก ทั้งการประชุม ครม.และเยี่ยมเยียนประชาชน แต่เห็นแววตาของทุกคนแล้ว ก็เห็นความตั้งใจทำงานร่วมกับผมเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ขอฝากถึงบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้แต่พรรคฝ่ายค้าน ต้องคำนึงถึงประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนเรื่องอื่นก็ขอให้เป็นเรื่องทางการเมือง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ความยากลำบากของประชาชนนั้นเกิดขึ้นมาหลายรัฐบาลและมีความพยายามแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ยอมรับว่าบางเรื่องแก้ได้ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะกฎระเบียบข้อบังคับของกฎหมาย ซึ่งก็ต้องแก้ไขกันต่อไป แต่อย่าลืมว่าเรามีคนเป็นจำนวนมาก จึงต้องคำนึงถึงข้อจำกัดและอนาคตควบคู่กันไป ไม่ใช่จะให้เกิดความสุขแค่วันนี้ แต่ไม่เหลืออะไรในอนาคต สำหรับการทำงานนั้นต้องไม่แก้ปัญหาหนึ่ง แล้วสร้างปัญหาหนึ่ง เพราะถือเป็นสิ่งที่อันตราย ซึ่งข้าราชการและรัฐมนตรีต้องช่วยกันคิด อย่ามองแค่สิ่งใกล้ตัว ต้องมองไปถึงอนาคตข้างหน้าด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลต้องดูแลคนทั้งประเทศทุกภาคส่วนอยู่แล้ว
“สำหรับมาตรการทางภาษีนั้นรัฐบาลได้ศึกษามาตั้งแต่ปี 2557 แล้ว แต่ยังไม่ได้นำไปสู่การปฏิบัติ เพราะประชาชนยังมีปัญหาอยู่ ขณะนี้จึงอยู่ในช่วงของการเตรียมความพร้อม ทั้งนี้ วันนี้ทุกคนมีส่วนร่วมด้วยการเสียภาษีอยู่แล้ว แต่วันนี้ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม ไม่อยากให้มีการพูดเพื่อสร้างความเกลียดชัง และขอฝากทุกคนให้มีจิตสำนึกในการเสียภาษีอย่างถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะรีดภาษีกับทุกคนอย่างที่วิพากษ์วิจารณ์ ยืนยันว่าการเงินการคลังของเรายังมีความเข้มแข็ง เงินทุนสำรองยังอยู่ในระดับสูง เพียงมีปัญหาในเศรษฐกิจโลก จึงทำให้มีการกีดกันทางการค้า และกระทบต่อค่าเงิน ส่วนเศรษฐกิจมหภาคของประเทศถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ก็ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นห่วงโซ่ที่จะลงไปสู่ระดับล่าง เชื่อว่าการแก้ไขปัญหาต่างๆ คงไม่เกินสติปัญญาของทุกคน ยืนยันว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังมีความแข็งแกร่ง ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ และยังได้รับรายงานว่าค่าเงินบาทของไทยได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ว่าเป็นค่าเงินที่ปลอดภัยที่สุด แต่ในภาคอุตสาหกรรมการลงทุนก็มีทั้งคุณและโทษ แต่วันนี้ทุกคนมีความมั่นใจ ในระบบการเงินการคลังของไทย ทำให้เงินสะสมของเรามีมากอยู่พอสมควร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในตอนว่า การวิพากษ์วิจารณ์ขอให้อยู่ในกรอบที่ควรจะเป็น และขอถือโอกาสวันนี้ได้พบปะ ครม. ซึ่งเป็นครม.ของพวกเรา ไม่ใช่ของตน เป็นครม.ของคนไทยที่เลือกกันเข้ามา และข้าราชการทุกคนที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามา ตนเชื่อมั่นว่าทุกคนในห้องนี้ และคนที่อยู่ทางบ้านก็คาดหวัง ประเทศไทยจะเดินหน้าไปได้อย่างไร ทั้งเรื่องความสงบเรียบร้อย หรือเรื่องใดก็ตามที่ยังบกพร่องอยู่ สิ่งใดก็ตามที่มีปัญหา ตนก็ต้องขอโทษ แล้วก็รับผิดชอบไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่ประเทศต้องเดินหน้าไปให้ได้ รัฐบาลนี้ก็ต้องทำงานให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเชื่อมั่น ตั้งใจไว้ ผมคงไม่ตอบคำถามเรื่องนี้อีกแล้ว มีใครสงสัยอะไรจะถามผมเป็นการส่วนตัวหรือไม่ ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา ตั้งแต่แถลงนโยบายรัฐบาลมา ตนก็พยายามจะยิ้มแย้มแจ่มใส แต่บางครั้งมันก็เครียด วันนี้จะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น เสียงก็ไม่ค่อยดุดันอะไรมากเท่าเดิม หลังจากวันที่แถลงนโยบายในสภามา ผมก็เจ็บคอ ฉะนั้นวันนี้ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส หลายคนสงสัยว่าเป็นอะไร ไม่ได้เป็นอะไรหรอก เพราะผมมีความสุข ที่ได้บรรดาเพื่อนๆ ของตน เข้ามาทำงาน พี่ๆเพื่อนๆน้องๆเลือกกันเข้ามา ซึ่งก็ต้องเข้ามาดูแลข้าราชการกันต่อไปในอนาคตด้วย เพราะฉะนั้นข้าราชการก็ต้องให้ความร่วมมือระมัดระวังในการทำงาน ต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ ทุกอย่างเราต้องดูแลซึ่งกันและกันอยู่แล้ว
“ผมถือโอกาสนี้กล่าวกับท่านเพียงเท่านี้ หวังว่าทุกคนคงเข้าใจ เจตนารมณ์ของผม และผมขอขอบคุณทางฝ่ายความมั่นคงฝ่าย เศรษฐกิจ ผมไม่ใช่คนเก่งคนเดียว แต่ผมจะเป็นผู้นำพาทุกคน ทำงานร่วมกันให้ได้แบบบูรณาการ ไม่มีใครทำงานสำเร็จได้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีวีรบุรุษ วีรบุรุษส่วนใหญ่มีเหมือนกันแต่ตายไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นมันกล้าคนเดียวไม่ได้ มันต้องไปด้วยกันทั้งหมด ผมขอขอบคุณล่วงหน้า ขอบคุณที่วันนี้พูดสั้นไปนิดนึง จริงๆเขาเตรียมให้ผมมา 2 ปึก ผมก็ด้นเอาเองแล้วกัน ผมได้อ่านมาแล้ว ทุกอย่างอยู่ในนโยบายหมดแล้ว ขอให้ทุกคนทำงานด้วยความปลอดภัย ผมขอพักนิดนึง เผื่อจะได้ทำงานได้ ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะยาวอาทิตย์นึงแล้ว แต่ก็ไม่ได้หยุดนะยังทำงานอยู่” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้นายกรัฐมนตรี มีท่าทางอิดโรย น้ำเสียงอ่อนล้า เนื่องจากเป็นหวัด ต่อเนื่องมาหลายวัน โดยนายกฯ ใช้เวลามอบนโยบายเพียง 30 นาที และไม่อยู่รอฟังการมอบนโยบายของรองนายกรัฐมนตรี และตอบคำถามตามกำหนดการเดิม ซึ่งเมื่อเสร็จภารกิจแล้ว ก็ได้เดินทางกลับทำเนียบรัฐบาลทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนใดๆ