รับน้อง!! 'รมต.พิพัฒน์' ปมเบรกหัวทิ่ม 'ผับปิดตี4-ฟรีวีซ่าจีนอินเดีย'
จับประเด็นร้อน!! รับน้อง "รมต.พิพัฒน์" แห่งกระทรวงท่องเที่ยวฯ หลังถูกเบรกหัวทิ่ม "ผับปิดตี4-ฟรีวีซ่าจีนและอินเดีย"
รัฐมนตรีมือใหม่ใจร้อน อย่าง "โกเกี๊ยะ" พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ดูเหมือนการมุ่งสร้างผลงานสไตล์ "คิดเร็ว-พูดไว" อาจยังไม่เข้าตา "คณะรัฐมนตรี" หรือ ครม. สะท้อนรัฐมนตรีที่มาจากหลายพรรคร่วมรัฐบาล มีความคิดเห็นหลากหลาย
เริ่มจาก การเสนอมาตรการเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวจีน-อินเดีย ที่ ครม.ตีตก ไม่เห็นชอบมาตรการยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน และอินเดีย เข้ามาเที่ยวประเทศไทย 15 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า ตามที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่ค่อยจะไม่เห็นด้วยกับมาตรการนี้ อีกทั้ง "วราวุธ ศิลปอาชา" รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็มีความห่วงใยในเรื่องของทรัพยากรในประเทศ ที่อาจเสียหาย และปัญหาขยะ ซึ่งนายวราวุธ ได้มีข้อมูลในเรื่องนี้มาชี้แจงที่ประชุม นอกจากนี้ ยังมีข้อห่วงใยในเรื่องคุณภาพในการให้บริการนักท่องเที่ยว และผลกระทบที่จะเกิดจากคนไทยเอง เนื่องจากเมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาต้องใช้น้ำ ใช้ไฟ ใช้ถนนของเรา เจ็บป่วยก็ต้องใช้โรงพยาบาลของเรา เราจะรองรับไหวหรือไม่
ด้าน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ รับฟังทุกความเห็น พร้อมระบุว่าจะต้องนำข้อมูลมาพิจารณาทั้งหมด เพราะเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องของกระทรวงการคลังทั้งหมด แต่ถ้ามีประเด็นที่ทำให้มีความเสี่ยง เราก็คงจะต้องทบทวน
ท้ายที่สุดในที่ประชุม "นายกฯ" เป็นผู้เคาะว่าไม่เห็นชอบ.. นี่เป็นการ "รับน้อง" เรื่องแรก!!
ถัดมาเรื่อง ข้อเสนอให้ปิดสถานบันเทิงในเวลา 04.00 น. ซึ่ง รมต.พิพัฒน์ อธิบายว่า จะเร่งทำการศึกษาก่อนว่า เมืองไหน จังหวัดไหน และพื้นที่ไหน ที่ควรจะทำ เพื่อขอหารือกับนายกฯในการประชุม ครม. โดยจะทำในบางพื้นที่เท่านั้น ไม่สามารถทำทุกพื้นที่ได้ โดยจะทำในสถานที่ท่องเที่ยวและเมืองใหญ่ๆ เช่น จ.ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ พัทยา หาดใหญ่ และบางพื้นที่ของ กทม.
แต่เรื่องยังไม่เข้าครม. กลับโดนหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อย่าง "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ออกมาเบรกหัวชนิดต้องเรียกหัวทิ่มเลยทีเดียว ว่ายังไม่มีการหารือเรื่องนี้กับตนแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้จะพิจารณาไปในทิศทางใดนั้นจะต้องพิจารณาให้รอบคอบในทุกมิติ
“ผมว่าการให้สถานบันเทิงปิดตี 4 จะดึกเกินไป ปัจจุบันที่ปิดตี 2 ก็ดีและพอแล้ว ซึ่งก็จะหารือเรื่องนี้ร่วมกับรมว.การท่องเที่ยวฯว่าต้องไม่ใช้การแก้ปัญหาเรื่องการท่องเที่ยวด้วยวิธีแบบนี้” นายอนุทิน กล่าว
นี่ถือเป็นการ "เบรกครั้งที่สอง" โดยหัวหน้าพรรคฯ!!
"รมต.พิพัฒน์" เป็นสามีของ "นาที รัชกิจประการ" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ซึ่ง ป.ป.ช. เพิ่งเปิดบัญชีทรัพย์สินรวม 4,674,631,835 บาท เป็นของตนเอง 71,597,709 บาท ของคู่สมรส 4,603,034,225 บาท หรือ 4.6 พันล้านบาท มีหนี้สินรวม 177,066,184 บาท เป็นหนี้ของผู้ยื่น 2,152,537 บาท หนี้ของคู่สมรส 174,913,647 บาท และแจ้งว่ามีทรัพย์สินอื่น เช่น กระเป๋า นาฬิกาหรู เครื่องประดับ พระเครื่อง จำนวนมาก
กล่าวสำหรับ "ตระกูลรัชกิจประการ" มีผู้ชายสามคนที่ช่วยกันดูแลธุรกิจของบริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด
คนแรกคือ "โกเกี๊ยะ พิพัฒน์" รัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา ก่อนหน้านั้น โกเกี๊ยะรับบทกุนซือการเมืองให้ภรรยา "นาที รัชกิจประการ" , คนที่สองคือ "โกโต พิบูลย์" เป็นนายกเทศมนตรีเมืองสตูล 2 สมัย และปัจจุบัน โกโตเป็น ส.ส.สตูล เขต 1 พรรคภูมิใจไทย และคนที่สามคือ “โกนั้ง พิทักษ์” ผู้บริหารบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG Energy มีสื่อหลายสำนักลงรูปผิด โดยนำภาพของโกนั้ง ไปแทนโกเกี๊ยะ
เมื่อปี 2535 เริ่มทำธุรกิจสถานีให้บริการน้ำมัน โดยตั้งบริษัทลูกคือ บริษัท ปิโตรเลียมไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด จากนั้นในปี 2538 เตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเปลี่ยนจากบริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด เป็นบริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด (มหาชน)
ปี 2554 ได้เปลี่ยนชื่อจากบริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เพราะเกรงว่า คนจะเข้าใจว่าเป็นปั๊มน้ำมันของคนภาคใต้ จริงๆ แล้ว ปั๊มพีทีมีมากที่สุดในภาคอีสาน รองลงมาคือ ภาคเหนือ
คงต้องจับตาว่า "โกเกี๊ยะ พิพัฒน์" รมต.มือใหม่ไฟแรง จะท้อใจหรือไม่ หลังโดนรับน้องทั้งจาก "ครม.และหัวหน้าฯ" เพราะแค่เริ่มงานก็โดนเบรกจนหน้าชากับนโยบายที่เหมือนจะดี แต่อาจไปสร้างปัญหาอื่นๆ เพิ่มขึ้นหรือไม่!!