ปชช.เชื่อมั่นดีเอสไอสูง 'ไพสิฐ' ชี้ผลงาน ปกป้องผลประโยชน์ชาติ5แสนล้าน
นิด้าโพลล์ชี้ปชช.เชื่อมั่น "ดีเอสไอ" สูงขึ้น เชื่อหากสำรวจหลังรับสางคดีบิลลี่ ดัชนีเชื่อมั่นยิ่งพุ่ง แนะระวังการเมืองแทรกแซงคดีฉุดศรัทธา "อธิบดีดีเอสไอ" มั่นใจผลงานตลอด 10 ปี ปกป้องผลประโยชน์ชาติ 5 แสนล้าน
โรงแรมเซนทรา ศูนย์ราชการ - นิด้าโพลเปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของสาธารณชนที่มีต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประจำปีงบประมาณ 2562 ซึ่งได้จากการจัดเก็บข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพจากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่5-16 สิงหาคม 2562 พบว่า ผลการสำรวจเชิงปริมาณจากกลุ่มตัวอย่างประขาชนทั่วไป ผู้รับบริการ และผู้มีส่วนได้เสียของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กว่า 2,500 กลุ่มตัวอย่าง พบว่า ในส่วนของระดับความเชื่อมั่นของสาธารณชนที่มีต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ กลุ่มผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง มีระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 78.90 ส่วนกลุ่มประชาชนทั่วไป มีระดับความเชื่อมั่นร้อยละ64.90
ประเด็นที่กลุ่มตัวอย่างให้ความเชื่อมั่นมากที่สุด คือ ความเชี่ยวชาญของบุคลากร รองลงมาคือ ความโปร่งใส และความเท่าเทียม ขณะที่ ผลสำรวจการรับรู้ รับทราบ บทบาทหน้าที่ของดีเอสไอ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 93 ระบุว่า พอรู้จัก มีเพียงร้อยละ 6.8 ที่รู้จักเป็นอย่างดี โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 81 ทราบว่า เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ในขณะที่บทบาทหน้าที่ในด้านอื่นมีการรับรู้ค่อนข้างต่ำ
ส่วนผลการสำรวจเชิงคุณภาพ จากผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้รับบริการ ผู้ได้รับผลกระทบจากการให้บริการ หน่วยงานร่วมปฏิบัติ จำนวน20หน่วยตัวอย่าง ผลสำรวจความเชื่อมั่นที่มีต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่า โครงสร้างการทำงานดี มีการทำงานแบบถ่วงดุล มีช่องทางการให้บริการและอำนวยความยุติธรรมที่ค่อนข้างเปิดกว้าง มีศักยภาพในการดำเนินคดีอาชญากรรมที่มีความยุ่งยากซับซ้อน เนื่องจากมีอำนาจตามกฎหมายมากกว่าหน่วยงานยุติธรรมอื่นๆในการดำเนินคดีพิเศษ และมีบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ที่จะสามารถปฏิบัติหน้าที่และคลี่คลายคดีระดับประเทศซึ่งเป็นความหวังให้ประชาชนได้
ในขณะเดียวกัน ประเด็นที่ทำให้ระดับความเชื่อมั่นลดลงจนถึงระดับไม่เชื่อมั่น สำคัญสุด เป็นหน่วยงานที่ยังถูกแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งการดำเนินคดียังไม่มีความเป็นอิสระ การรับส่งต่อคดียังคลุมเครือในการแบ่งแยกคดีพิเศษ การเปลี่ยนแปลงของนโยบายการทำงานตามฝ่ายการเมือง ขาดการชี้แจงรายละเอียดขั้นตอนในการดำเนินการให้ผู้เกี่ยวข้องในกับคดีได้รับทราบ ภาพลักษณ์ในการทำหน้าที่ทับซ้อนกับตำรวจ และมีความเคลือบแคลงในมาตรฐานการคัดเลือกบุคลากรมาทำหน้าที่ พร้อมเสนอแนะให้ ดีเอสไอเพิ่มการประชาสัมพันธ์และสื่อสารกับประชาชน เพื่อให้รู้จักบทบาทหน้าที่ของกรมให้มากขึ้น ทั้งนี้หากมีการสำรวจในช่วงที่ดีเอสไอแถลงข่าวพบกระดูกของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ เชื่อว่าผลการสำรวจประชาชนจะรู้จักดีเอสไอเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 90 แน่นอน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สังคมกังวล คือ ปัญหาการแทรกแซงทางการเมือง หรือคดีด้านการเมืองที้มีฝ่ายการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง ซี่งต้องชี้แจงให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริง เพราะอาจมีความกังวลการเมืองเข้ามาจะมีผลต่อความเป็นกลางในการทำคดีและส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์ โดยเฉพาะคดีพิเศษที่มีความสำคัญซึ่งประชาชนมีความคาดหวังสูงว่ากรมจะไม่ถูกแทรกแซง จึงอยากให้มีการสรรหาบุคคลากรเข้ามาทำงาน ที่ต่างจากตำรวจ และมีระบบการคัดคนที่ต่างจากหน่วยงานอื่น โดยใช้สหวิชาชีพเข้ามาร่วม
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่าจากผลการสำรวจ ทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รู้ทิศทางและนำมาทบทวนการทำงาน เพราะในการดำเนินคดีสำคัญเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และประชาชนได้รู้ว่าในแต่ละปีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ไปใช้ทำอะไรบ้างและสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างไร ซึ่งมั่นใจว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมากรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถเรียกคืนผลประโยชน์ให้รัฐได้มากกว่า 500,000 ล้านบาทซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอจะยังคงทำงานแบบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆในการทำคดีสำคัญ รวมถึงการคลี่คลายคดีการหายตัวไปของบิลลี่ซึ่งต้องทำงานร่วมกับหลายหน่วยงานในการลงพื้นที่สืบสวนเก็บข้อมูล หาหลักฐานรวมทั้งดูสภาพภูมิประเทศทั้งในหน้าแล้งหน้าฝนซึ่งต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะพบหลักฐานสำคัญ ซึ่งเป็นงานยาก