กมธ.ชงครม.คืนสิทธิ‘136ผบห.ท้องถิ่น’ ถูกคำสั่งคสช.

กมธ.กระจายอำนาจท้องถิ่น สภาฯ เตรียมเสนอ ครม.คืนสิทธิ์ “136 ผู้บริหารท้องถิ่น” ต้องโทษตามคำสั่ง คสช. เผยกรมส่งเสริมการปกครองการันตี ไม่ขาดคุณสมบัติสมัครเลือกตั้ง ป.ป.ช.เตรียมเปิดบัญชีทรัพย์สิน “6 รมต.ใหม่-10 อดีต รมต."

ความเคลื่อนไหวในการพิจารณาศึกษาตรวจสอบข้อเท็จจริง การดำเนินการกับผู้บริหารท้องถิ่นและผู้มีตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วานนี้(2 ต.ค.)นายชูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุม กมธ.ซึ่งพิจารณาในประเด็นดังกล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลกับ กมธ. ซึ่งมีประเด็นที่สรุปได้ว่า หากมีการประกาศให้เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือการเลือกตั้ง สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ส่วนคดีที่ถูกตรวจสอบ สามารถดำเนินการได้ หลังจากมีการเลือกตั้งแล้วเสร็จ

เนื่องจากผู้ชี้แจงจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ระบุว่าบุคคลที่ถูกคำสั่ง คสช.ให้ออกจากตำแหน่ง หรือ ระงับการปฏิบัติหน้าที่ไม่ขาดคุณสมบัติ ในสัปดาห์หน้า กมธ.จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ถูกคำสั่ง คสช.ระงับการปฏิบัติหน้าที่ ให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ กรณีผู้ที่ไม่มีความผิด

“ขณะนี้มีบุคลากรของท้องถิ่น จำนวน 136 คนที่ติดคำสั่งของ คสช. ทั้งกรณีของการละเมิด หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของท้องถิ่น ทั้งนี้ กมธ.จะขอเวลาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอีก 2-3 ครั้ง เพื่อให้ได้ข้อสรุป ว่าจะดำเนินการอย่างใดต่อคำสั่ง คสช.ที่มีผลกระทบต่อบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือไม่ เพื่อส่งต่อไปยังรัฐบาลให้พิจารณา” นายซูการ์โน ระบุ

‘อนาคตใหม่’จ่อทำโพลแก้รธน.

ส่วนความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านในการเดินหน้ารณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เปิดเผยว่า อนค.จะจัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นและการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 จำนวน 6,000 ตัวอย่าง โดยขณะนี้กำลังวางกรอบการทำงาน โดยผลโพลจะเป็นแนวทางในการทำงานของเราต่อไป และอาจมีการเปิดเผยต่อสาธารณชน เพราะเรื่องการรับรู้และความเข้าใจของประชาชนต่อการแก้ไข

รัฐธรรมนูญนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เราพูดกันว่ามีคนสนใจ แต่อีกฝั่งหนึ่งบอกว่าคนไม่สนใจ หรือไม่สำคัญเท่าปัญหาปากท้อง ต่างฝ่ายต่างมีชุดคำพูดที่จะยืนยันว่าฝ่ายของตัวเองถูกต้อง ซึ่งเถียงกันไปมาก็ไม่ได้ประโยชน์ โพลจะเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจน และการที่เกือบทุกพรรคออกมาแสดงความเห็นสอดคล้องกัน อย่างน้อยที่สุดคือเห็นด้วยให้มีการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเป็นข้อชี้วัดได้ระดับหนึ่งแล้ว เพราะพรรคการเมืองย่อมต้องประเมินว่าประชาชนคิดไปทางไหน

ส่วนจัดเวทีสานเสวนาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โฆษก อนค.ระบุว่า ตอนนี้เราจัดเวทีครบทุกภาคแล้ว ถือว่าจบเฟส 1 จากนี้จะต้องประเมินผล โดยเราคาดหวังว่าหน่วยงานวิชาการ รัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงสื่อมวลชน จะเริ่มขยับในส่วนของตัวเองในการทำแคมเปญนี้เช่นกัน เพราะเป้าหมายของเราคือการจะทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนได้ ต้องไม่ใช่พรรคการเมืองเท่านั้นที่ทำ แต่ทุกภาคส่วนต้องลุกขึ้นมาทำร่วมกัน

นอกจากนี้ อีกไม่นานจะเปิดประชุมสภาฯสมัยที่ 2 จะมีการเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ซึ่งจะถือเป็นเฟส 2 ของการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ

นายกฯแนะยึดตปท.เคารพก.ม.

ส่วนความเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระหว่างร่วมกิจกรรมจิตอาสา ที่วัดราชาธิวาส ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า กฎหมายมีไว้ให้ทำตามหรือเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ถ้าไม่เคารพกฎหมายก็เลิกหมด ทุกประเทศที่เจริญแล้วต่างเคารพกฎหมายทุกตัว แต่ประเทศเรากลับชวนกันเลิกกฎหมายหรือชวนแก้กฎหมายให้มากที่สุด อีกทั้งการแก้ปัญหาอะไรก็ตามต้องใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา

“ทุกคนชอบคำหวาน เสร็จแล้วนั่นก็คือยาพิษสำหรับท่าน การช่วยคนถ้าช่วยในทางที่ไม่ถูกต้อง นั่นคือการให้ยาพิษ วันหน้าท่านก็ตายอยู่ดี ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ป.ป.ช.จ่อเปิดทรัพย์รมต.-ส.ส.ใหม่

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ในวันที่ 9 ต.ค. ป.ป.ช.จะเปิดเผยรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กรณีเข้ารับตำแหน่ง อีก 6 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษาฯ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆได้ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินไปแล้วเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.

นอกจากนี้ จะเปิดเผยรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ครม. กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2562 จำนวน 10 คน รวมทั้งส.ส.ใหม่อีก 1 คน คือ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในส่วนของ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติไปเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ให้ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ขณะนี้ยังมีการยื่นเข้ามา

ชงสอบ“พิเชษฐ”ยื่นทรัพย์สินเท็จ

ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ป.ป.ช.ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของส.ส.กรณีเข้ารับตำแหน่ง ที่ผ่านมาสมาคมได้ทยอยตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของส.ส.และพบข้อสงสัยในส่วนของนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย

โดยเฉพาะการเป็นกรรมการ หรือถือหุ้นในบริษัทที่ยังไม่ได้ชำระบัญชี และหรือยังไม่ได้จดทะเบียนยกเลิกบริษัทซึ่งนายพิเชษฐรายงานว่าถือหุ้นในบริษัทร้าง 5 บริษัท แต่ข้อเท็จจริงจากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่านายพิเชษฐ ถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ถึง 7 บริษัท รวมทั้งไม่ปรากฏว่า มีการแจ้งว่า มีบัตรเครดิต หรือการเบิกเงินเกินบัญชี ตามแบบหรือหลักเกณฑ์ที่ ป.ป.ช.กำหนดด้วย

ทั้งนี้ตาม ม.114 ของ พ.ร.ป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระบุให้ป.ป.ช.เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองเพื่อวินิจฉัย ซึ่งอาจมีความผิดตาม ม.167 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ซึ่งอาจมีผลต่อการดำรงตำแหน่ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.101 ได้ในที่สุด อย่างไรก็ดีในวันนี้สมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อไป

“ชวน”โยนกกต.ชี้ขาดปม“นวัธ”

ขณะที่การวินิจฉัยคุณสมบัติของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทยที่ถูกศาลตัดสินประหารชีวิต นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวว่ากรณีที่ระบุว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติให้นายนวัธขาดคุณสมบัติเป็นส.ส.แล้ว โดยไม่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ข้อมูลดังกล่าว ตนทราบรายงานจากทางเจ้าหน้าที่ แต่ทางกกต. ยังไม่มีการประชุมเรื่องนี้ จึงต้องรอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหารือจนได้ข้อสรุปก่อน