'เลือกตั้งซ่อมนครปฐม' จากโดมิโนล้มรัฐบาล สู่ โดมิโนล้มอนาคตใหม่

ศึกครั้งนี้ “คนบ้านใหญ่” ปิดจ็อบคิดบัญชี ล้างตา-ล้างอาย ได้สำเร็จ โดย “เผดิมชัย” เข้าวินแบบทิ้งห่าง 38,765 คะแนน ขณะที่คู่แข่งแชมป์เก่าหน้าใหม่ “ไพรัฏฐ์โชติก์ จันทรขจร” จากอนค. ตามมาห่างๆ 28,882 คะแนน อันดับ 3 พรรค “สุรชัย อนุตธโต” พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 13,061 คะแนน

ตัวแปรสำคัญอยู่ที่คะแนนจาก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ได้อยู่ที่ 18,741 คะแนน เมื่อพปชร.ไม่ส่งผู้สมัครลงแข่ง ทำให้คะแนนเทกลับมาให้ “เผดิมชัย” เต็มๆ จากเดิมที่มีอยู่เพียง 12,279 คะแนน ถูก “จุมพิตา” ทิ้งห่างเกินครึ่ง

การถอนแค้นของ “เผดิมชัย” ส่งผลด้านบวกให้กับ “พรรคร่วมรัฐบาล” ให้แท็คทีมกันแน่นกว่าเดิม แม้จะมีช่วงที่ระหกระเหินกันบ้าง แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงสนามสู้กับ “ขั้วฝ่ายค้าน” ก็กลับมาแพ็คกันแน่น แม้จะ พรรคประชาธิปัตย์ จะมีเล่นนอกบท-นอกคีย์ อยู่บ่อยครั้ง แต่พอเข้าใจได้ว่าต้องการรักษา ฐานเสียง-แฟนคลับ ของตัวเองเอาไว้

ส่วน พรรคพลังประชารัฐ-พรรคภูมิใจไทย-พรรคชาติไทยพัฒนา มักส่งซิกสลับบทกันเล่นจนเกือบจะเป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนี้จับตาดู หากมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้น “3บิ๊กพรรคร่วม” จะแบ่งบทเล่นอย่างไร จะส่งสัญญาณ หลบฉาก เพื่อรวมแต้มสู้ “ขั้วฝ่ายค้าน” ในสนามเลือกตั้งซ่อมอย่างไร

เพราะจำนวน ส.ส. ที่เพิ่มขึ้น จะถูกเติมเสียงหนุนในสภา ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม อยู่ในตำแหน่งได้สะดวกโยธินมากขึ้น ไม่ได้ระแวงกับ เสียงปริ่มน้ำ ให้คอยกวนใจอีก

หากเจาะลึกลงไปถึง ขุมกำลัง ที่พร้อมใจกันเทเสียงให้ “เผดิมชัย” คัมแบ็คกลับมา จะพบว่ามีเครือข่ายจาก เพื่อน-พี่-น้อง มากว่ามิตรจากพรรคร่วมรัฐบาล บรรดา “รุ่นเก๋า-รุ่นใหญ่” จากพรรคเพื่อไทย (พท.) ผสมโรงออกแรงช่วย โดยเฉพาะตระกูล “อยู่บำรุง”

แม้ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” แกนนำพท. จะหลบฉากปล่อยให้ “วัน อยู่บำรุง” คอยแอ็คชั่นแทน แต่สัญญาณจาก “ร.ต.อ.เฉลิม” ส่งออกมาชัดเจนว่าหนุน “มิตรแท้-สหายเก่า” ไม่กระโดดไปหนุน พรรคอนาคตใหม่ ประกอบกับพรรคเพื่อไทยไม่ส่ง “ผู้สมัคส.ส.” ลงสู้ จึงเข้าทาง

และการเลือกตั้ง 24 มี.ค.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้ส่ง ผู้สมัครส.ส. ลงแข่งกับตระกูลสะสมทรัพย์อยู่แล้วด้วย เพราะต้องการหลบเขตให้ พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เข้าไปเก็บคะแนน แต่กลับโดนยุบพรรคเสียก่อน

เมื่อ “ขั้วรัฐบาล” แพ็คทีมสู้ แตกต่างจาก “ขั้วฝ่ายค้าน” ที่แยกกันเดิน เหมือนจงใจทอดทิ้งให้ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่วางตัวเป็น “เบอร์หนึ่งขั้วฝ่ายค้าน” เผชิญศึกเพียงคนเดียว-พรรคเดียว จึงอยากที่จะเอาชนะ นักการเมืองเขี้ยวลากดิน

ว่ากันว่าภายใน พรรคเพื่อไทย มี ส.ส.หลายคน ไม่พอใจบทบาทของ “ธนาธร-อนาคตใหม่” ที่มักตีกินกระแสและเล่นบทเสมือนเป็น “ผู้นำฝ่ายค้าน” จึงอยากสั่งสอนให้ “อนุบาลการเมือง” ได้รับรู้รสชาติของความพ่ายแพ้

นอกจากนี้ผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ยังเป็นบทเรียนให้ “ธนาธร-อนาคตใหม่” ได้รับรู้ว่ายุทธศาสตร์ของ พรรคอนาคตใหม่ ที่มุ่งเล่นเกมการเมืองโจมตีการทำงานของ รัฐบาล ในทุกเรื่อง รวมถึงประเด็นที่เกี่ยวโยงกับสถาบันหลักของชาติ หากมัวแต่นำมาใช้เป็นเครื่องมือปลุกกระแส อาจจะโดนกระแสตีกลับได้

“ธนาธร” จุดแคมเปญเลือกตั้งซ่อม จ.นครปฐม “โดมิโน่ตัวแรกล้มรัฐบาล” แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ กลับโดนย้อนศรกลายเป็น “โดมิโน่ตัวแรกล้มอนาคตใหม่” แทน เพราะสถานการณ์ภายในพรรคยังย่ำแย่ มีแต่รอยร้าวที่รอวันแตก

ปรากฏการณ์ ส.ส.อนาคตใหม่ โหวตสวนมติพรรคในการโหวต พ.ร.ก.โอนย้ายกำลังพล-ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ บ่งบอกชัดเจนว่า พรรคอนาคตใหม่ เสียงแตกไม่มีความเป็นเอกภาพให้เห็นเหมือนแต่ก่อน

แถมยังมีกระแสข่าว “แก๊งออฟทรี” ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์ ที่ถูกแฉมักรวมศูนย์อำนาจ ตัดสินใจโดยไม่อ้างอิงมติพรรค คอยโน้มน้าว ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งคล้อยตาม ก่อนอ้างมติของพรรค

แว่วมาว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับ “แก๊งออฟทรี” แต่ไม่มีใครกล้าแตกแถว ต่างจาก ส.ส.เขต ที่กล้ามีปากเสียง เพราะมีพื้นที่ให้ต้องดูแล หากคล้อยตาม “แก๊งออฟทรี” ทั้งหมดก็หวั่นใจว่าจะเสียฐานเสียง

รวมถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นที่เริ่มเฟ้นหา “ผู้สมัคร” บรรดาตัวแทนพรรคระดับพื้นที่ ต่างก็ต้องการส่งคนของตัวเองลงสมัครเลือกตั้ง “แก๊งออฟทรี” ที่ยังอ่อนพรรษาทางการเมือง แม้จะชูนโยบายดีเบตเพื่อคัดเลือกผู้สมัคร แต่กลับโดนกระแสทีกลับหาว่าแค่จัดพิธีกรรมให้ดูน่าเชื่อถือ แต่ในใจมีช้อยอยู่แล้ว

หลังจากนี้จับตาดูอนาคตของ “ธนาธร-อนาคตใหม่” จะออกมาในรูปแบบใด แต่ที่แน่ๆกระแส “โดมิโน่ล้มรัฐบาล”ไม่เกิด แต่กลับโดนย้อนศร “โดมิโน่ล้มอนาคตใหม่” แทน