ถ้าจะเปลี่ยนประเทศไทย ต้อง 'เอก ธนาธร' เท่านั้น
เปิดตัว แก๊งสนนท. "เอก ต๋อม ติ่ง" โปลิตบูโร "อนาคตใหม่" "ติ่ง" บอกถ้าจะเปลี่ยนประเทศไทยให้ได้ ต้อง "เอก ธนาธร" เท่านั้น ชี้ใน100ปี มีคนแบบธนาธรแค่คนเดียว
เอฟซีส้มหวานคงไม่ปลื้ม สำหรับบทวิพากษ์พรรคอนาคตใหม่ของ ชาญวิทย์ ใจสว่าง อดีตผู้สมัครส.ส.ชุมพร เขต 1 ที่เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก Chanwit Jaisawang มาสองตอนแล้ว
“ชาญวิทย์” พยายามขยายปม “ระบบอุปถัมภ์” ในอนค. ที่มีการแยกชั้นวรรณะอย่างจริงจัง “...ชนชั้นสูงถูกยกขึ้นสูงสุด ไขว่คว้าไม่ถึง โดยมีชนชั้น 2 ห้อมล้อม เป็นประภาคาร คอยสกัดกีดกันชนชั้น 3 ไม่ให้เฉียดเข้าไปใกล้โดยเด็ดขาด ชนชั้นสูงสุดนี่ล่ะที่เรียกว่า “มติพรรค” เสมอมา กินความแค่คน 5 คน ทอน บุต ช่อ และ 2 ตอ..”
“ทอน บุต ช่อ” คนทั่วไปรู้จักดี แต่ “2 ตอ” หากไม่ใช่คนวงในจริงๆ จะไม่รู้เลย ซึ่งได้มีการเฉลยแล้วคือ “ต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน รองเลขาธิการพรรค และ “ติ่ง” ศรายุทธ ใจหลัก ผู้อำนวยการพรรค
ทั้ง “เอก ธนาธร”, “ต๋อม ธวัชชัย” และ “ติ่ง ศรายุทธ” เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ เคยทำกิจกรรมภาคประชาชนในฐานะแกนนำ สนนท. ยุค 2540
“สนนท.” มรดกซ้ายไทย
หลังเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) ได้ยุติการเคลื่อนไหวทางการเมืองของขบวนการนักศึกษาไทยลงอย่างสิ้นเชิง ยกเว้นการเคลื่อนไหวใต้ดินและการต่อสู้ในเขตป่าเขา
ปี 2527 ตัวแทนองค์การนักศึกษาหรือสโมสรนักศึกษาหลายสถาบัน ได้ร่วมกันก่อตั้ง “สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย” (สนนท.) โดยบทบาททางการเมืองของสนนท. ในช่วงรัฐบาลเปรม คือการรณรงค์ให้ระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ มีความเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ
หลังรัฐประหาร 2534 สนนท. สมัยที่มี ปริญญา เทวานฤมิตรกุล เป็นเลขาธิการ ได้เคลื่อนไหวต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ รสช. ร่วมกับคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535
อันเป็นที่มาของคำว่า “คนเดือนพฤษภา” ล้อไปกับ “คนเดือนตุลา” ซึ่งวันนี้คนรุ่นนั้นของ สนนท. ก็แยกออกเป็น 2 ขั้ว 2 สี
สามสหาย “เด็กวิดวะ”
บทบาททางการเมืองของสนนท. ภายหลังเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 จะให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิในประเด็นปัญหาต่างๆ ของขบวนการประชาชนชาวบ้าน เช่นสมัชชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน สมัชชาคนจน ฯลฯ
นัยว่า สนนท.ยังคงแสดงบทบาทการเมืองระดับชาติอยู่ต่อไปแต่ก็ให้ความสำคัญในประเด็นปัญหาของการเมืองภาคประชาชนรากหญ้า
3 แกนนำระดับผู้นำความคิด หรือโปลิตบูโลของพรรคอนาคตใหม่ อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”, “ชัยธวัช ตุลาธน” และ “ศรายุทธ ใจหลัก” ได้เข้าสู่องค์กรนำขบวนนักศึกษาไทยคือ สนนท. ตั้งแต่ปี 2541
บังเอิญพวกเขาเป็น “เด็กวิดวะ” แต่คนละสถาบัน “เอก ธนาธร” ศึกษาอยู่ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ส่วน “ต๋อม ชัยธวัช” ศึกษาที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และ “ติ่ง ศรายุทธ” เรียนอยู่ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ไม่แปลกหรอกที่พวกเขาจะถูกมองว่าเป็น “ชนชั้นนำ” ของพรรค เพราะมีความผูกพัน เป็นสหายร่วมอุดมการณ์กันมายาวนาน
กรมการเมือง อนค.
ความเป็นนักกิจกรรมนอกสถาบันของ 3 สหายขับเคลื่อนไปในนาม “สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศ ไทย” (สนนท.)
“ต๋อม ชัยธวัช” เป็นเลขาธิการ สนนท. ปี 2541 มีบุคลิกเป็นนักคิด นักทฤษฎี นักวางแผน จึงมีตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ทำงานเคียงคู่กับปิยบุตร
“ติ่ง ศรายุทธ์” เป็นเลขาธิการ สนนท. ปี 2543 และ “เอก ธนาธร” รองเลขาธิการ สนนท.ปีเดียวกัน สองคนนี้มีบุคลิกต่างกัน “ติ่ง” สายบู๊ ขาลุย จึงเหมาะกับผู้อำนวยการพรรค
ส่วน “เอก” มีความเป็นผู้นำสูง ตอนที่เริ่มก่อร่างสร้างพรรคอนาคตใหม่ มีการจัดทำประวัติธนาธร หัวหน้าพรรค โดยผู้จัดทำหนังสือได้มาสัมภาษณ์ “ติ่ง ศรายุทธ์” และขอให้เขาให้นิยามความเป็นธนาธร
“..ตอบยาก แต่ผมรู้ว่าในรอบ 100 ปี บางทีเราจะมีคนแบบธนาธรแค่คนเดียวเท่านั้น ถ้าจะเปลี่ยนประเทศไทยให้ได้ เอก คือความเป็นไปได้นั้น”
ขอย้ำ “ถ้าจะเปลี่ยนประเทศไทยให้ได้” ต้อง “เอก ธนาธร” เท่านั้น