เปิดดีลล่วงหน้า ‘จักรทิพย์’...ซบภูมิใจไทย?
เปิดดีลล่วงหน้า ‘จักรทิพย์’...ซบภูมิใจไทย?
หายไปจากหน้าสื่อนานนับปี อยู่ๆ หลังเปิดศักราชใหม่ปี 2563 ชื่อของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลับมาติดท็อปเทน ข่าวใหญ่อีกครั้ง หลังรถยนต์ถูกกระหน่ำยิงย่านบางรักได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา โชคดีที่ “บิ๊กโจ๊ก” ไม่ได้อยู่ในรถ
“ผมไม่ไหวแล้วมันโดนมานานแล้วโดนมาเยอะแล้ว มันต้องพอสักที”
เป็นเสียงโอดครวญจาก “บิ๊กโจ๊ก” ก่อนให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกรณีรถยนต์ที่ถูกลอบยิง โดย “บิ๊กโจ๊ก” ตั้งข้อสังเกตว่า ปฏิบัติการยิงถล่มรถยนต์ครั้งนี้ เป็นการข่มขู่ไม่หวังผลชีวิต ชนวนเหตุมาจากการมีผู้เสียผลประโยชน์จากการยกเลิกโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องไบโอแมทริกซ์ หรือระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ขณะดำรง ตำแหน่งบัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) หาใช่เป็นการสร้างสถานการณ์ อย่างที่มีคนตั้งข้อสังเกตแต่อย่างใด พร้อมบอกใบ้ให้สังคมติดตามว่า
“บุคคลที่ต้องสงสัยนั้น ผมพอมีข้อมูลแต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใคร หากไม่ใช่คนมีอำนาจก็ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้” แม้ไม่เอ่ย ชื่อ แต่สังคมรู้ดีว่าหมายถึงใคร!!
น่าสนใจที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผบ.ตร. และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กลับมองว่าเหตุยิงถล่มรถยนต์ที่เกิดขึ้น เป็นการจัดฉากหวังขยายผล ปลด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก่อนจะเกษียณอายุราชการในอีก 8 เดือนข้างหน้า
สำหรับโครงการจัดซื้อ จัดจ้างเครื่องไบโอแมทริกซ์ เป็นโปรเจ็กต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ผบ.ตร.เป็นผู้ อนุมัติจัดซื้อ 1,843 เครื่อง มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบประวัติบุคคลที่เดินทางเข้าประเทศไทย ได้ปิดโครงการและส่งมอบไปแล้วเมื่อปี 2562 ส่วน “บิ๊กโจ๊ก” ถูกเด้งเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ในขณะที่คดีถล่มรถ “บิ๊กโจ๊ก” กำลังร้อนระอุ ปรากฏมีคลิปการสนทนาของบุคคล 2 คน ออกมาเผยแพร่ในโลกโซเชียล สังคมคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นเสียงของ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ขณะกำลังพูดคุยกับ พล.ต.ท.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. โดยมีข้อความการสนทนาในลักษณะสั่งการ ไม่ให้นายตำรวจผู้นี้ ลงมาทำคดีคนร้าย ยิงถล่มรถยนต์ของพล.ต.ท.สุรเชษฐ์
ต่อมา ผบ.ตร.ออกมา ยอมรับว่า เสียงในคลิปดังกล่าวเป็นเสียงตนเอง กับ พล.ต.ท.วิระชัย จริง แต่ไม่ได้สั่งหรือแทรกแซงการทำคดี เพียงแต่ต้องการกำชับให้พล.ต.ท.วิระชัย ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย พร้อมสวนกลับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ว่า
“ถ้าผมอยู่เบื้องหลัง ทำไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เอาอย่างงี้ ใครกันแน่ ที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่ทำให้เขากลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง”
วิวาทะร้อนที่ออกมาตอบ โต้กันดังกล่าว สะท้อนให้เห็นปัญหาความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้อย่างชัดเจน การเคลื่อนไหวของคู่ขัดแย้งทั้งสอง จึงตกอยู่ในความสนใจของสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา “บิ๊กโจ๊ก” ได้เดินทางไปให้ข้อมูลกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะพยาน หลังเครื่องตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลระบบไบโอแมทริกซ์ และโครงการรถไฟฟ้าอัจฉริยะ ถูกร้อง ว่ามีปัญหาเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างและการใช้งานที่ขาดประสิทธิภาพ
อีกด้านหนึ่งต้องจับตา พล.ต.อ.จักรทิพย์ หลังเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2563 นี้ เพราะในแวดวงสีกากีและการเมือง ทราบกันดีว่า “บิ๊กแป๊ะ” มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแกนนำพรรคภูมิใจไทย
ไม่ต้องแปลกใจหากในอนาคต หลังเกษียณอายุราชการ “พล.ต.อ.จักรทิพย์” เลือกเดิน บนถนนการเมือง ด้วยการเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย เพราะได้มี “ดีลลับ” กันไว้แล้ว
สำหรับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2502 ที่จังหวัดชลบุรี เป็นบุตรชายของนายประณีต ชัยจินดา นักธุรกิจคนดังแห่งอ่างศิลา และนางเมธินี ชัยจินดา สมรสกับ ดร.บุษบา ชัยจินดา มีบุตรชาย 2 คน จบการศึกษาจากวชิราวุธวิทยาลัย, โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 36 (นรต.36) ปริญญาโทสาขาบริหารรัฐกิจ จากสหรัฐอเมริกา และศึกษาเพิ่มเติมหลักสูตรการสอบสวน (ATF-ILEA) และหลักสูตรเอฟบีไอ รัฐเนวาดา จากสหรัฐอเมริกา
เริ่มต้นรับราชการจากตำแหน่ง นายเวรผู้บังคับการประจำกรมตำรวจ สำนักงานกำลังพล และสารวัตรแผนกสายตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กองกำกับการสายตรวจ จนกระทั่งในปี 2537-2538 ได้ย้ายเข้าสู่กองปราบปรามในตำแหน่งรองผู้กำกับ ในปี 2539 ได้เป็นนายเวรอธิบดีกรมตำรวจ (พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา)
จากนั้นได้ทำงานในตำแหน่งงานด้านต่างๆ โดยเฉพาะงานด้านปราบปราม เช่น รองผู้บังคับ การตำรวจภูธรจังหวัดสมุทร สงคราม, รองผู้บังคับการกองตำรวจนํ้า, รองผู้บังคับการกองปราบปราม, ผู้บังคับการกองตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานแห่งชาติ (ผบก.ตม.ทอช.) เป็นต้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังเป็นอดีตสมาชิก คณะรักษาความสงบแห่งชาติอีกด้วย