"พล.อ.อภิรัชต์" ขู่ แม่ทัพ –ผู้บังคับหน่วย ไม่ใส่ใจ "ลูกน้อง" ไม่ผ่านมาตรฐานทดสอบร่างกาย-ความรู้ โยกเข้ากรุพร้อมเปิดช่องทหารชั้นผู้น้อยร้องเรียน หลังเกิดกรณี "พ.จ.อ.จักรพันธ์" ปล้นปืนไล่ทำร้าย ปชช. ปมไม่ได้รับความเป็นธรรม จากผู้บังคับบัญชา
เมื่อวันที่11ก.พ.2563 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)กล่าวถึงกรณีการเน้นย้ำผู้บังคับหน่วย ในการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา หลังเกิดเหตุการณ์ พ.จ.อ.จักรพันธ์ ถมมา นายทหารสังกัดกองพันกระสุนที่22กองบัญชาการช่วยรบที่2 ปล้นอาวุธไปก่อเหตุสังหารประชาชนและเจ้าหน้าที่สาเหตุหนึ่งมาจาก การไม่ได้รับความเป็นธรรม จากผู้บังคับบัญชาว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ผู้ก่อเหตุและคู่กรณีมีความสัมพันธ์กันทางการบังคับบัญชา ตนได้สั่งการให้ หาวิธีการที่ดีที่สุด เปิดเรื่องร้องเรียนโดยตรงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกเอาเปรียบ และจะเน้นย้ำผู้บังคับบัญชา ที่ไม่ใส่ใจดูแลทุกข์สุข ของผู้ใต้บังคับบัญชา ตนมั่นใจและให้คำมั่นว่า ช่องทางนี้จะเป็นความลับที่สุดแต่ต้องแสดงตัวตน ว่าเป็นใคร อยู่หน่วยไหน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจัดส่งตรงมาที่ตัวตน เดิมตนก็ไม่มีเฟสบุ้ค และไอจีเพราะรับไม่ไหวในหลายเรื่อง แต่ก็จะมีช่องทางให้เข้าถึง โดยไม่ผ่านช่องทางของกองทัพบก ซึ่งจะหาบุคลากรมาทำ โดยสั่งการไปตั้งแต่เมื่อวันที่10ก.พ.แล้ว เพื่อเป็นโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชา สื่อสารกับผมโดยตรง และตนก็จะลงโทษอย่างเต็มที่สุดความสามารถเท่าที่จะทำได้
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า หลายคนเติบโตจากพื้นฐานครอบครัวที่แตกต่างกัน แต่นายทหารหลักได้เข้ามาอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน ได้รับการปลูกฝังเช่นเดียวกันเป็นเวลา 5 ปีที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาถูกปลูกฝังมาโดยตลอด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณธรรมและจริยธรรมโดยเฉพาะตนเอง ซึ่งไม่ใช้การยกยอปอปัน แต่เป็นสิ่งที่ตนทำมาโดยตลอด และที่ตนเติบโตได้มาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำงานกับตนมาตลอด เพราะตนดูแลเขาดี ในขณะที่หน่วยข้างเคียงตนก็เห็นความล้มเหลวของผู้บังคับบัญชา ซึ่งพยายามที่จะเลือกสรรคนให้มาเป็นผู้บังคับบัญชา แต่คนในกองทัพบกกว้างใหญ่และมีจำนวนหลายแสนคน ไม่สามารถที่จะลงไปดูได้ ยกเว้นการออกมาตรการและการแสดงความรับผิดชอบต่อไปนี้ มาตรการในการสรรหา การคัดหาคนเข้ามาเป็นผู้บังคับบัญชาจะทำให้รอบคอบกว่าที่เป็นอยู่ ตนได้เน้นย้ำอยู่เสมอว่าการเป็นผู้บังคับไม่ใช่ไปแต่บังคับบัญชาคนอื่น แต่ผู้บังคับบัญชาต้องบังคับตัวเองด้วย ผู้บังคับบัญชาหน่วยรับ เช่นทหารราบ ทหารม้า ปล่อยตัวให้อ้วน ไร้ความรู้ ไม่พัฒนาตัวเองก็ไม่ต้องมาเป็นแม่ทัพหากผู้บัญชาการรกองพลเสนอชื่อมา ตนจะย้ายให้หมดและล่าสุดตนได้ปรับมาตรฐานทดสอบร่างกายและความรู้กับผู้บังคับหน่วยกำลังรบอย่างเต็มที่ หากใครที่ไม่ได้มาตรฐานก็ไม่ต้องอยู่
“อยากมาด่าก็มาด่าผม ตั้งแต่แม่ทัพภาคหรือผู้บังคับบัญชากองพลลงไป หากไม่ให้ความสนใจก็โยกไปประจำ บังคับบัญชาคนอื่นต้องบังคับตนเองด้วย ผมบอกแล้วว่าจะใช้อำนาจผบ.ทบ.จนถึงวันสุดท้ายที่ส่งมอบธงรับมอบตำแหน่งผบ.ทบ.เพื่อพัฒนากองทัพโดยที่ผ่านผมได้ปรับปรุงพัฒนากองทัพบกเพื่อรองรับ สภาวะการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป และความถดถอย และเสื่อมถอยของกำลังและผู้บังคับบัญชา ที่ไม่ใส่ใจ มีหลายอย่างไม่ได้เปิดเผยให้รับทราบ หลายเรื่องมีการสั่งการอย่างเอาจริงเอาจังในการพัฒนาบุคลากร ”ผบ.ทบ.กล่าว