ปิดเทอมใหญ่ ศึกใน (2ขั้ว) 'คุกรุ่น'
ผ่านพ้นศึกซักฟอกไป เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ทั้ง 487 คน ต่างเข้าสู่ช่วงปิดเทอมใหญ่ ก่อนเปิดจะสมัยประชุมอีกครั้งในเดือนพ.ค.
ทว่าในห้วงที่การเมืองในสภาฯอยู่ระหว่างพักยกอยู่นั้น การเมืองนอกสภาฯกำลัง “คุกรุ่น” ไปด้วยความเคลื่อนไหว ทั้ง “ปรากฏการณ์แฟลชม็อบ” ของนักเรียน - นิสิตนักศึกษา หลังคดียุบพรรคอนาคตใหม่ จนเวลานี้ลามไปถึงการต่อต้าน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯรวมถึงรัฐบาลไปแล้ว
ฟาก “รัฐบาล” และ “พรรคพลังประชารัฐ” แม้เวลานี้จะมีเสถียรภาพที่แน่นปึ๊กผ่านพ้น“ระยะอันตราย” ด้วยเสียงสนับสนุนที่ทะลุกว่า270เสียง แต่ทว่า บรรดาส.ส. กลุ่มก้อนการเมืองภายในขั้วรัฐบาลเอง ณ เวลานี้ต่างเริ่มส่งเสียงเร่งเร้าไปยัง “บิ๊กรัฐบาล” ทวงถามความชัดเจนเกี่ยวกับการปรับครม.ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ด้วย “สมการการเมือง” ที่เปลี่ยนไป จึงมีการมองว่า การปรับครม.รอบนี้อาจทำให้มีบางเก้าอี้ต้องสั่นคลอน ทั้งในส่วนของพปชร.ที่ปรากฏกระแสความไม่ลงรอยหรือปัญหาพื้นที่ทับซ้อนของบางกลุ่มอาทิ “กลุ่มพลังชล” ของ “อิทธิพล คุณปลื้ม” กับกลุ่มของ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวออกมาระบุว่า “คราวที่แล้วเป็นเด็กดี ยอมถอย แต่บางครั้งถ้าเป็นเด็กดื้อแล้วได้ลูกอม เราก็ต้องดื้อบ้าง”
หรือในส่วนของพรรคร่วมอย่าง “ภูมิใจไทย” ที่เวลานี้ มีเสียงส.ส.จากอดีตอนาคตใหม่เข้ามาเติมอีก 9 เสียงรวมเป็น61เสียง อยู่ในลำดับ2ของรัฐบาล ซึ่งหากใช้สูตร “ส.ส.7 คนต่อหนึ่งเก้าอี้รมต.”เท่ากับว่า ภท.จะได้โควตารัฐมนตรีอยู่ที่8-9คน (จากเดิม7คน) ขณะที่พรรคลำดับ3อย่างประชาธิปัตย์ตอนนี้มีส.ส.อยู่52เสียงแต่มีรัฐมนตรี8คน เกินโควตามา1คน เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีการคาดการว่าปชป.อาจต้องคืน1โควตาไปให้พรรคร่วมรัฐบาล
ขณะที่ฟาก “ฝ่ายค้าน” เวลานี้เรียกได้ว่าอยู่ใน “ขั้นวิกฤติ” มีเสียงเหลืออยู่ในมือเพียงแค่224เสียง ยังไม่นับรวมกรณีที่ 6ส.ส.ไปโหวตหนุนฝ่ายรัฐบาลในศึกซักฟอกที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้น“ร้อยร้าวใหญ่” ระหว่าง “เพื่อไทย” และ “อนาคตใหม่” จากปัญหาการจัดสรรเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่มีกลิ่นตุๆลอยมาตั้งแต่วันแรกๆทั้งในเรื่องการรันคิวที่มีการสลับไปมาจากช่วง “ไพร์มไทม์” ไปเป็นช่วงดึก เสียงลือเรื่อง “คุณขอมา” จนทำให้ “พี่น้อง2ป.” คือ “บิ๊กป้อม-และบิ๊กป๊อก” รอดซักฟอกไปได้ ท่ามกลางกังขาที่ว่าเป็น “มวยล้ม”
ที่แม้ล่าสุดแกนนำเพื่อไทยจะออกมาบอกว่า “เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว” แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารอยร้าวที่เกิดขึ้นถือเป็นรอยร้าวที่ยากเกินจะสมานแผลให้หายดีได้โดยง่าย
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในขณะที่ศึกในสภาฯอยู่ในช่วง“พักยก” นอกสภาฯกลับเป็นการเริ่มต้นของ“ศึกภายใน” ของทั้ง2ขั้วการเมืองซึ่งมีแนวโน้มว่าจะทวีความคุกรุ่นขึ้นไปเรื่อยๆ!!