'สันติ' ดวล 'อนุชา' เดือดชิงเลขาฯ 19 มิ.ย. เคาะสูตรเลือก กก.บห. พลังประชารัฐชุดใหม่

'สันติ' ดวล 'อนุชา' เดือดชิงเลขาฯ 19 มิ.ย. เคาะสูตรเลือก กก.บห. พลังประชารัฐชุดใหม่

การนัดหมายประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (กก.บห.พปชร.) ในวันที่ 19 มิ.ย. 63 เพื่อวางกรอบการจัดประชุมใหญ่พรรคในวันที่ 3 ก.ค. 63

รวมทั้งกำหนดรูปแบบการเลือก กก.บห. พปชร.ชุดใหม่ ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยเฉพาะวิธีการโหวต จะเป็นอย่างไร

เนื่องจากข้อบังคับพรรคเกี่ยวกับ “การประชุมใหญ่พรรค” เพื่อเลือก กก.บห. ชุดใหม่ เขียนเอาไว้แบบกว้าง ๆ ว่า ผู้มีสิทธิ์เลือก กก.บห.พรรค ประกอบด้วย สมาชิกพรรค ส.ส. อดีตกรรมการบริหารชุดเดิม ผู้แทนสาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด

โดยไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ การลงคะแนนว่า สมาชิกพรรคมาประชุมได้กี่คน หรือมี 1 เสียง 1 คนเท่ากับ ส.ส.หรือไม่ ซึ่งหลักเกณฑ์แบบนี้ มีกำหนดในพรรคการเมืองอื่น เช่น ประชาธิปัตย์ เสียง ส.ส.จะมีน้ำหนักมากกว่าสมาชิก หรือตัวแทนสาขาพรรค

การประชุม กก.บห.พปชร.ชุดเก่า ในวันที่ 3 ก.ค.นี้ จึงต้องได้ข้อสรุปชัดเจนว่า จะใช้หลักเกณฑ์การคัดเลือกอย่างไร โดยให้จับตาดูว่าจะมีวางเกมกันอย่างไร โดยเฉพาะการโหวตเลือกตำแหน่ง “เลขาธิการพรรค-คณะกรรมการบริหารพรรค” เพราะหากมีการเสนอชื่อเกิน 2 คน จำเป็นที่จะต้องเปิดโหวต

ส่วนตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค” แบเบอร์ที่ชื่อ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพปชร. ไม่มีชื่ออื่นแหกโผมาแข่ง ฉะนั้นเมื่อมีการเสนอชื่อ “พล.อ.ประวิตร” เพียงชื่อเดียว การโหวตก็จะไม่มีขึ้น เพราะไร้คู่แข่ง

แตกต่างจากตำแหน่ง “แม่บ้าน พปชร.” ที่ขณะนี้เหลือแคนดิเดต 2 คน “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง ท้าชน “อนุชา นาคาศัย” ส.ส.ชัยนาท รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ซึ่งทั้ง “สันติ-อนุชา” ต่างคนต่างมีจุดเด่น-จุดด้อย ต่างกันออกไป

คอนเนคชั่น“สันติ”บิ๊กพปชร.-เด็กพท.

       “สันติ” เป็นเจ้าของอาคารรัชดา ONE ถนนรัชดาภิเษก 32 ตรงข้ามศาลอาญา ที่ทำการพรรคพปชร.แห่งใหม่ “เจ้าพ่อเมืองเพชรบูรณ์”รายนี้ นำผู้สมัคร พปชร.กวาดเก้าอี้ ส.ส.ยกจังหวัด ผลงานในช่วงสู้ศึกเลือกตั้งจึงอยู่ในเกณฑ์ดีมาก จนได้โควตารัฐมนตรีมาครอง

 แรงดัน“สันติ” มีตั้งแต่ “วิรัช รัตนเศรษฐ์” ประธานวิปรัฐบาล “สุชาติ ชมกลิ่น” ส.ส.ชลบุรี ประธาน ส.ส. พ่วง ส.ส. ในสังกัดของ สันติ-วิรัช-สุชาติ จะผนึกกำลังหนุน“สันติ” ให้ถึงฝั่งฝัน

นอกจากนี้ “สันติ” ยังมี ส.ส.ที่ฝากเลี้ยงอยู่ในพรรคเพื่อไทย (พท.) จำนวนหนึ่ง ที่เห็นได้ชัดคือ “พรพิมล ธรรมสาร” ส.ส. เขต 5 จ.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ส่วน พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ก็นับถือ “สันติ” ในฐานะผู้มีพระคุณ แม้จะรักษาระยะห่าง

ที่สำคัญ “สันติ” เคยมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ “ตระกูลชินวัตร” เคยทำธุรกิจร่วมกับ “คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” จนได้รับความไว้วางใจให้ บริษัท เจ้าคุณอุตสาหกรรมและการเกษตร จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวและเครือญาติของสันติ กู้ยืมในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินลงวันที่ 22 ก.พ.2543 มูลค่า 160.2 ล้านบาท

โดยการเลือกตั้งปี 2550 และ 2554 “สันติ” ได้แสดงบท “พี่ใหญ่ใจป้ำ” เลี้ยงดู ส.ส. ทั้งพรรคพลังประชาชน-พรรคเพื่อไทย อย่างดีไม่มีตกหล่น จนส่งให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีมาโดยตลอด ตั้งแต่ รมว.คมนาคม ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลสมชาย วงสวัสดิ์ และยังได้นั่ง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เมื่อย้อนดูเส้นทางการเมืองของ “สันติ” จะพบว่า คอนเนคชั่นของเขากว้างขวางและหลากหลายไม่ธรรมดา สั่งสมบารมีใน “พรรคเครือข่ายทักษิณ” มาทุกยุคทุกสมัย งานนี้ จึงต้องรอวัดใจ “บิ๊กป้อม” ว่าจะเลือกใช้บริการหรือไม่

“อนุชา” ศิษย์-น้องรัก “2 ส.”

ฟากฝั่ง “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย แม้คอนเนคชั่นทางการเมืองจะเป็นรอง “สันติ” แต่แบ็คอัพที่คอยดูแล “อนุชา” คือแกนนำสองมิตร บิ๊กเนมอย่าง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ซึ่งทั้งคู่ไม่ปล่อยให้ “น้องรัก-น้องเลิฟ” เดินเดียวดายอย่างแน่นอน

“สุริยะ” นอกจากจะคอยดูแลปัจจัยยังชีพ ส.ส.พปชร.แล้ว ยังมี ส.ส. ฝากเลี้ยงอยู่ในพรรคเพื่อไทยอีกหลายคน อาจจะมากกว่า “สันติ” เสียด้วยซ้ำ แถมยังให้คำมั่นกับ “บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่” ด้วยว่า หากต้องการเปลี่ยนเกมเขี่ยทิ้ง “พรรคร่วมรัฐบาล” ก็พร้อมบริการเสิร์ฟ ส.ส.ให้ถึงประตูทำเนียบฯ 

และหาก “อนุชา” ได้นั่งเก้าอี้ “แม่บ้านพปชร.” ก็จะการันตีสถานะของ “สุริยะ-สมศักดิ์” ให้มั่นคง เพิ่มโอกาสให้ “กลุ่มสามมิตร” มั่งคั่งยิ่งกว่าเดิม

ขณะที่ตัวของ “อนุชา” เอง หลังอกหักจากเก้าอี้รัฐมนตรี ช่วงฟอร์ม “รัฐบาลประยุทธ์ 2/1” ทำให้มีโอกาสทำงานใกล้ชิด “พล.อ.ประวิตร” ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ คอยให้คำปรึกษาการบริหารจัดการพรรค จนมีข่าวในช่วงต้นปี 2563 ว่า จะเปลี่ยน “แม่บ้านพปชร.” ให้ “อนุชา” เป็นคนดูแลมาแล้ว แต่กระแสข่าวนี้ ก็ถูกสยบไปก่อน

แม้ประสบการณ์ของ “อนุชา” จะมีน้อยกว่า “สันติ” แต่แบ็คอัพ ใจเกินร้อย โอกาสจึงอยู่ในระดับ“สูสี”

ตัวแปรเลือก“แม่บ้านพปชร.”

เมื่อการแข่งขันของ “สันติ-อนุชา” ไม่ได้ทิ้งห่างกันนัก จึงต้องจับตาดูว่า “ตัวแปร” ในศึกชิงเก้าอี้ “แม่บ้านพปชร.” กองเชียร์จะเอนเอียงไปทางไหน โดยเฉพาะ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่มี ส.ส.พปชร. ในสังกัด บวกรวมกับ ส.ส.พรรคเล็ก นับแล้วไม่ต่ำกว่า 40 คน จะเลือกสนับสนุนใคร

เพราะหากย้อนอดีต “ผู้กองมนัส” ถือเป็นคู่ขัดแย้งของทั้ง “วิรัช-สุชาติ” ผู้สนับสนุนหลักของ “สันติ” และขัดแย้งกับ “กลุ่มสามมิตร” ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของ “อนุชา” จึงต้องวัดใจ “ผู้กองมนัส” ว่าจะเลือกสนับสนุนใคร ซึ่งอาจจะมีการเปิดดีลกันเอาไว้แล้ว

โดยมีความเป็นไปได้สูงที่ “ผู้กองมนัส” จะเลือกสนับสนุน “สันติ” เพราะคำนวณแล้วว่า น่าจะคบง่าย-สะดวกใจมากกว่า ขณะเดียวกัน ก็กันท่าไม่ให้ “กลุ่มสามมิตร” เข้ามายึด พปชร.ได้ ไม่เช่นนั้น ะยากต่อการควบคุม

ขณะที่ “ก๊วน กทม.” นำโดย “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รมว.ศึกษาธิการ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็จัดอยู่ใน “กลุ่มตัวแปร” ที่จะชี้ขาดศึกเลือกแม่บ้านพปชร. เช่นกัน แม้ ส.ส.กทม.จะทยอยหนีห่าง “ณัฏฐพล-พุทธิพงษ์”

รอ“บิ๊กป้อม”ชี้ขาดโค้งสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม โควตา “แม่บ้านพปชร.” ที่สุดแล้ว ก็อยู่ที่การตัดสินใจของ “พล.อ.ประวิตร” ว่าจะเลือก คู่ขา-คู่หู คนใดมาเป็นมือเป็นไม้ ว่ากันว่า ณ เวลานี้ พล.อ.ประวิตร ยังไม่เคาะว่าจะเลือกใคร เพราะเกรงว่า หากเลือกเร็ว-เคาะเร็ว จะเกิดแรงกระเพื่อม ต่อรองกันอีกหลายยก จึงต้องเล่นบท “กั๊ก” เอาไว้ก่อน

โดยมีความเป็นไปได้สูงที่ พล.อ.ประวิตร จะเคาะในช่วงก่อนวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งจะมีการประชุมใหญ่พรรคพปชร. ไม่กี่วัน เพื่อให้ชื่อคนที่จะเข้ามานั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรค พปชร. เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น ป้องกันไม่ให้มีการโหวต เพราะหากไปถึงขั้นนั้นแล้ว ก็ยากที่จะคุมเสียงล็อกโหวต คนที่เลือก 

ทั้งหมดคือความเคลื่อนไหวของศึกเดือด ชิงเก้าอี้เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ คนใหม่ ที่เวลานี้ สปอตไลท์การเมือง ส่องไปยัง “สันติ-อนุชา”