4 กุมารตั้ง 'กลุ่มการเมือง' เล็งทิ้ง พปชร.
27 กก.บห. พลังประชารัฐชุดใหม่ ไม่พลิกโผ “พล.อ.ประวิตร” ขึ้นแท่นผู้นำพรรค เซอร์ไพรส์ส่งคลิป ขอบคุณลูกพรรค ลั่นถือเป็นวันเริ่มต้นสร้างพรรคให้เข้มแข็ง ขณะที่ “4 กุมาร” ไร้ชื่อ จ่อลาออกจากสมาชิกพรรค แยกตัวตั้งกลุ่มใหม่
มีรายงานว่า สำหรับกลุ่ม 4 กุมาร ภายใต้การนำของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษณ์ รองนายกฯ ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษาฯ รวมถึงนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง หลังจากถูกตัดออกจากทีมกก.บห.พรรคพลังประชารัฐ ได้มีการประเมินอนาคตทางการเมืองหลังจากนี้ว่ามี 4 ทางเลือก ได้แก่ 1.ลาออกจากพรรคพปชร. 2.ลาออกจากรัฐมนตรี 3.ตั้งพรรคใหม่ 4.ยุติบทบาททางการเมือง โดยจะพิจารณาว่า หากมีแนวโน้มถูกปรับออกจาก ครม. ก็จะยื่นใบออกจาก พปชร.ก่อนการปรับ เพื่อไปตั้งกลุ่มการเมืองใหม่ ซึ่งมีโอกาสต่อยอดไปสู่การตั้งการเมืองในอนาคต
“อุตตม”โยนนายกฯพิจารณา รมต.
ภายหลังทราบผลการลงมติ นายอุตตม ได้ออกจากห้องประชุมทันที โดยไม่มีการพูดคุยกับแกนนำคนอื่น เพียงกล่าวกับสื่อมวลชน ว่า ไม่เป็นไร และตนยังคงทำงานต่อไป ไม่ได้น้อยใจอะไร และยังคงทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีตามที่นายกฯ เคยพูดไว้ เราก็ทำไป ส่วนในอนาคตจะถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ถือเป็นดุลพินิจของนายกฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังทำงานร่วมกับ พปชร.ได้หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ตนยังทำงานได้กับทุกคน แต่ปฏิเสธไม่ขอตอบว่าจะลาออกจากพรรคหรือไม่
ขณะที่นายสนธิรัตน์ ซึ่งออกจากที่ประชุมในเวลาใกล้เคียงกัน ได้ตอบคำถามเดียวกัน ว่า ยังคงทำงานอยู่กับพรรค แม้ไม่มีชื่อเป็น กก.บห.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- 'นฤมล ภิญโญสินวัฒน์' หัวหน้าทีม 'เศรษฐกิจ' พปชร. ที่ใครๆ ก็รุมยี้
- 'อนุชา' แจงตั้ง 'นฤมล ภิญโญสินวัฒน์' เป็นมือเศรษฐกิจพรรค ไม่ใช่ทีมของรัฐบาล
สำหรับการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) วานนี้ (27มิ.ย.) ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี มีวาระสำคัญ คือการเลือกกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.)ชุดใหม่ และพิจารณาแก้ไขข้อบังคับพรรค ปรับโครงสร้างพรรค กก.บห.เหลือไม่เกิน 29 คน จากไม่เกิน 45 คน
โดยมีนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง รักษาการหัวหน้าพรรค ทำหน้าที่ประธานการประชุม ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรค ไม่ได้เข้าร่วมประชุม โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน รักษาการรองหัวหน้าพรรค ระบุว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร ต้องเดินทางมาด้วยตัวเองแต่ทางพรรคได้ยกเลิกข้อบังคับพรรคนี้ไป และพล.อ.ประวิตรต้องการให้การประชุมในวันนี้ สมาชิกมีความเป็นอิสระ และใช้ดุลพินิจของตัวเองอย่างเต็มที่ ในการเลือกหัวหน้าพรรค และไม่ได้ต้องการเป็นหัวหน้าพรรคจึงไม่ประสงค์ที่จะเดินทางมาร่วมการประชุม
ต่อมาผลการเลือกตั้งกก.บห.ชุดใหม่ พปชร.ที่ลงคะแนนแบบลับ จำนวน 27 คน เป็นไปตามโผ โดยที่ประชุมมีมติเลือก พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ แบบไร้คู่แข่ง โดยมีการเสนอเพียงรายชื่อเดียว ส่วนนายอนุชา นาคาศัย ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นเหรัญญิกพรรค และนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ เป็นนายทะเบียนพรรค
ส่วนกก.บห.อื่นๆ ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นายวิรัช รัตนเศรษฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายสุชาติ ชมกลิ่น นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ นายสุพล ฟองงาม นายพงษ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ นายชาญวิทย์ วิภูศิริ นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ นายนิโรธ สุนทรเลขา นายไผ่ ลิกค์ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ นายสุรชาติ ศรีบุศกร นายนิพันธ์ ศิริธร นางสาวประภาพร อัศวเหม และนายสกลธี ภัททิยกุล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลคะแนนปรากฎว่า พล.อ.ประวิตร ได้ 516 คะแนน นายอนุชา 485 คะแนน นางนฤมล 480 คะแนน และนายบุญสิงห์ 494 คะแนน ทั้งนี้ ไม่มีรายชื่อของแกนนำ “4 กุมาร” ทั้งนายอุตตม รมว.คลัง อดีตหัวหน้าพรรค สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน อดีตเลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
แก้ไขข้อบังคับเพิ่มอำนาจหัวหน้า
ทั้งนี้ ในวาระพิจารณาแก้ไขข้อบังคับพรรค ในส่วนของจำนวน กก.บห.กำหนดในข้อบังคับพรรคใหม่ จำนวนไม่น้อยกว่า 11 คน แต่ไม่เกิน 29 คน ประกอบด้วย หัวหน้าพรรคการเมือง รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ผู้อำนวยการพรรค เหรัญญิกพรรค นายทะเบียนสมาชิกพรรค กรรมการบริหารอื่นของพรรค
สำหรับข้อบังคับพรรคใหม่ ยังกำหนดให้หัวหน้าพรรค มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการบริหารอื่นของพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกเป็นรองหัวหน้าพรรค จำนวนไม่เกิน 9 คน พร้อมกับมอบหมายอำนาจหน้าที่ให้ และแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการพรรค 1 คน และหัวหน้าพรรคมีหน้าที่และอำนาจถอดถอนรองหัวหน้าพรรคออกจากตำแหน่ง หรือเปลี่ยนแปลงหน้าที่ที่ได้รับมอบอำนาจหรือมอบหมาย และมีอำนาจถอดถอนผู้อำนวยการพรรค หรือเปลี่ยนแปลงหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ปรับโลโก้พรรคสะท้อนสามัคคี
นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับเปลี่ยนรูปเครื่องหมายพรรค หรือโลโก้พรรค ที่ให้ชื่อพรรคอยู่ในกรอบวงกลมนั่น มีความหมาย แสดงถึงความมีพลังแห่งความสามัคคี ความร่วมมือ ร่วมใจ ของประชาชน ร่วมพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า มั่นคง และยั่งยืน ส่วนแถบสีแดง สีขาวและสีน้ำเงินคราม ของ กรอบวงกลมหมายความว่า เป็นการรวมพลังความสามัคคีของทุกคนในชาติให้เป็นหนึ่งเดียวปราศจาก ความขัดแย้ง
นอกจากนั้น มีการแก้ไขเพื่อเปิดทางให้ย้ายที่ทำการพรรคแห่งใหม่ จากเดิมตั้งอยู่ที่อาคารปานศรี ย่านประชาชื่น ไปยังอาคารรัชดาวัน ถ.รัชดาภิเษก ตรงข้ามศาลอาญา
“อุตตม”โยนนายกฯพิจารณา รมต.
ภายหลังทราบผลการลงมติ นายอุตตม ได้ออกจากห้องประชุมทันที โดยไม่มีการพูดคุยกับแกนนำคนอื่น เพียงกล่าวกับสื่อมวลชน ว่า ไม่เป็นไร และตนยังคงทำงานต่อไป ไม่ได้น้อยใจอะไร และยังคงทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีตามที่นายกฯ เคยพูดไว้ เราก็ทำไป ส่วนในอนาคตจะถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ถือเป็นดุลพินิจของนายกฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังทำงานร่วมกับ พปชร.ได้หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ตนยังทำงานได้กับทุกคน แต่ปฏิเสธไม่ขอตอบว่าจะลาออกจากพรรคหรือไม่
ขณะที่นายสนธิรัตน์ ซึ่งออกจากที่ประชุมในเวลาใกล้เคียงกัน ได้ตอบคำถามเดียวกัน ว่า ยังคงทำงานอยู่กับพรรค แม้ไม่มีชื่อเป็น กก.บห.
“บิ๊กป้อม”ขอบคุณ-พร้อมนำพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของที่ประชุม ได้มีการเปิดคลิปวีดิโอจาก พล.อ.ประวิตร ถึงสมาชิกพรรค โดยเนื้อว่า ขอบคุณทุกคนที่ให้ความไว้วางใจในการเลือกตนเป็นหัวหน้าพรรค พรรคของเราถึงแม้ว่าจะกำเนิดมาด้วยระยะเวลาอันสั้นแต่ก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนอย่างดียิ่ง ตนพร้อมที่จะทำงานให้กับพรรค และนำพาพวกท่านไปด้วยความมั่นคง
ขอให้พวกท่านทั้งหลายมีความสามัคคีกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะสร้างพรรคของเราให้เข้มแข็ง สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนให้จงได้ ขอฝากให้ทุกคนลงพื้นที่ช่วยกันทำนุบำรุงพรรคของเราให้มีความเข้มแข็ง และให้ประชาชนมีที่อยู่ ที่กิน ได้อยู่ดีกินดีขึ้น วันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นในการที่จะสร้างพรรคให้เกิดความเข้มแข็งที่มีองค์กรที่ชัดเจนในการทำงานให้กับพวกท่าน ตนจะนำพาพรรคให้เกิดความเข้มแข็งและนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มั่นใจ“บิ๊กป้อม”สลายก๊วนได้
นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการ พปชร.คนใหม่ แถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า ขอบคุณทุกคนที่ไว้วางใจให้ทำหน้าที่เลขาธิการพรรค และมั่นใจว่า พล.อ.ประวิตร จะช่วยหลอมรวมให้สมาชิกพรรคเป็นหนึ่งเดียวกัน
“ขอสัญญา และให้คำมั่นว่าผมจะปฏิบัติตัวทำงานเพื่อให้พรรคเจริญรุ่งเรือง เป็นเสาหลักในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เช่นเดียวกับหัวหน้าพรรค และจะพยายามทำงานตอบสนองต่อสมาชิกพรรค และตอบสนองต่อความไว้วางใจของประชาชน “นายอนุชา กล่าว
เตรียมฟอร์มทีมศก.ใหม่
นายอนุชา กล่าวต่อว่า หัวหน้าพรรคสั่งการให้ออกนโยบายแก้ปัญหาของประเทศ เชื่อว่าเราทำได้แน่ เพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้น ขอให้คอยดู ยืนยันด้วยความมั่นใจว่าจะนำพาประเทศ สังคม เศรษฐกิจ การเมืองสู่ความเจริญ เพื่อทำให้ประชาชนกินดี อยู่ดี พรรคเราทำได้แน่นอน
ส่วน กก.บห.ชุดใหม่จะมีส่วนในคณะรัฐมนตรี(ครม.) เศรษฐกิจด้วยหรือไม่นั้น เราทำงานคู่ขนาน เพื่อผลิตนโยบาย มีนักวิชาการ นักธุรกิจ คนรุ่นใหม่ ช่วยกันคิด และนำเสนอถึงรัฐบาล และนายกฯ ผมมั่นใจว่าดีแน่ จะได้เห็นสิ่งดีๆ เกิดขึ้น เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นแน่นอน โดยโฉมหน้าทีมเศรษฐกิจใหม่ของพรรค จะนำโดยนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และคนมีชื่อเสียงของประเทศ ขอให้รอตกผลึกอีกครั้ง
ไม่ขัด“อุตตม-สนธิรัตน์”ช่วยงาน
เมื่อถามว่าจะดึงนายอุตตม สาวนายน รมว.คลังและนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ รมว.พลังงาน เข้ามามีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ทุกฝ่ายถ้าได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ส่วนรวมคิดอ่านที่จะทำอะไรช่วยเหลือกัน เพื่อให้ประเทศชาติเป็นศูนย์รวม ที่พวกเราจะต้องฟันฝ่าอุปสรรคไปทำงานให้ประชาชน และประเทศชาติให้เจริญ โดยไม่คำนึงถึงเรื่องส่วนตัว ทุกสิ่ง ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ ส่วนเรื่องความขัดแย้งภายในพรรคนั้นจะหมดไปแน่นอน เมื่อเรามีพล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค ที่มีความรัก ความเอื้ออาทร
นายอนุชา กล่าวชี้แจงถึงกระแสการมีตำแหน่งในครม.ว่า ที่ตนได้เป็นเลขาธิการพรรค ไม่ได้เกี่ยวกับกลุ่ม ก๊วน หรือจะไปอยู่ในครม. ยืนยันว่าไม่ได้มองเรื่องตำแหน่งในครม. ตนเป็นคนทำงาน ไม่ใช่นักพูด ตนมีสมอง นักคิด นักปฏิบัติให้สำเร็จลุล่วง เรื่องครม.เป็นเรื่องไกลตัว ที่ผ่านมาไม่เคยพูดเรื่องการทำงานว่าจะเป็นอะไรเลย มีครั้งนั้นครั้งเดียวที่พูดหลังการเลือกตั้ง.
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ มั่นใจว่า พล.อ.ประวิตร จะทำให้ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคจบลงได้ ซึ่งได้มีการพูดคุยกันไปแล้ว
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวระหว่างรอนับผลคะแนนว่า บรรยากาศในการประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น โดยตนได้เป็นผู้เสนอรายชื่อให้ที่ประชุมได้เลือกทุกตำแหน่ง ซึ่งไม่มีใครในที่ประชุมอภิปรายใดๆทั้งสิ้น ยืนยันว่าจบด้วยดีทุกตำแหน่ง