กังขา 'นฤมล ภิญโญสินวัฒน์' นำทีมเศรษฐกิจ สะพัดปรับ 'ชาติพัฒนา' พ้นครม.
“อนุชา” กลับลำตั้ง “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค พปชร. ไม่เกี่ยวรัฐบาล เร่งผลิตนโยบายชงนายกฯพิจารณา “นักวิชาการ-อดีตผู้พิพากษา” กังขาหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ชี้หาตัวแทนยาก สะพัดปรับ “ชาติพัฒนา” พ้นครม. “สุวัจน์” ชม “ประวิตร” เหมาะคุม พปชร.
นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวชี้แจงกรณีพรรคเตรียมตั้งทีมเศรษฐกิจของพรรค โดยจะนำโดยนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค เป็นมือทำนโยบายเศรษฐกิจพรรค ว่า พรรคพปชร.มีความจำเป็นที่ต้องทำงานให้ประชาชนหลายด้านอย่างเร่งด่วน และทำงานเชิงรุก ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล อีกทั้งยังเป็นความต้องการของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องตั้งทีมขึ้นมา ทั้งด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ และด้านการเมือง
โดยในแต่ละด้านจำเป็นต้องมีบุคคลจากทุกภาคส่วนเข้าร่วม ทั้งนักวิชาการ นักการเมือง นักธุรกิจ คนรุ่นใหม่ โดยในด้านเศรษฐกิจนั้นถือเป็นความเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ จึงได้แต่งตั้งนางนฤมล เป็นทีมเศรษฐกิจของพรรค ในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรคและนักวิชาการ ส่วนด้านอื่นๆนั้นจะเปิดเผยรายชื่ออีกครั้ง
“ยืนยันว่าพปชร.ต้องเร่งผลิตนโยบายเร่งด่วน เพื่อเยียวยาหลังโควิดลงสู่รากหญ้า ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ เพื่อจะสะท้อนไปยังนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเพื่อพิจารณา และยังให้เห็นว่าพรรคมีนโยบายที่ดี สามารถตอบโจทย์ของประเทศ ทางด้านเศรษฐกิจในสภาวะปัจจุบันอย่างเร่งด่วนและระยะยาวได้ ทั้งนี้การตั้งนางนฤมลขึ้นมาเป็นทีมเศรษฐกิจนั้นยืนยันว่าเป็นการคิดนโยบายให้กับพรรค ไม่ใช่ตั้งขึ้นมาคุมทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล” นายอนุชา กล่าว
ขณะเดียวกัน นางนฤมล กล่าวว่า “การถูกวางตัวให้นำทีมเศรษฐกิจตามที่มีข่าวลือนั้นไม่ใช่เรื่องจริง ขอให้ไปฟังการให้สัมภาษณ์ของเลขาธิการพรรคคนใหม่อีกครั้ง ซึ่งไม่ขอให้สัมภาษณ์ แต่จะชี้แจงเรื่องนี้ด้วยตัวเองอีกครั้ง”
“นักวิชาการ”เชื่อ“บิ๊กตู่”ไม่ใช้“สมคิด”
นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า จากที่เห็นรายชื่อแล้วตนเป็นห่วงว่าจะไปได้ยาก เพราะภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มีทั้งปัญหายืดเยื้อเรื้อรังแต่เดิมก็เยอะ และที่ต้องเผชิญหลังโควิด-19อีกมาก ดังนั้นจึงไม่ง่าย แต่ชื่อทีมเศรษฐกิจนี้สะท้อนให้เราเห็นหลายอย่าง 1.สะท้อนว่าวันนี้พปชร. และรัฐบาลคงไม่หวังพึ่งพิงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อีกต่อไป จึงไม่ได้เห็นรายชื่อกรรมการบริหารพรรคมีรายชื่อของกลุ่ม 4 กุมารหรือคนที่มีความเกี่ยวข้องกับนายสมคิดเลย
2. สะท้อนว่าคนภายนอกที่เราได้ยินชื่อ ไม่ว่าจะเป็นอดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ 2 ท่าน ผู้บริหารองค์กรใหญ่ในธุรกิจ ต่างๆ เป็นต้น แสดงว่าคนเหล่านั้นยังไม่มีสัญญาณตอบรับเข้ามาเป็นทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเลย จึงได้เห็นชื่อของนางนฤมลออกมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในเชิงของผู้ประสานงานนำคนที่มีความรู้ทางด้านเศรษฐกิจเข้ามาร่วมทีม แต่ท้ายสุดแล้วคงเป็นการยากที่จะมีผู้เชี่ยวชาญ หรือคนนอกที่จะเข้ามาในสถานการณ์แบบนี้
ทั้งนี้จากภาพสะท้อนทั้ง 2 ประการ คือตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เป็นตำแหน่งสำคัญไม่ใช่สมบัติผลัดกันชม คนที่มาทำหน้าที่นี้ต้องเป็นคนที่เชี่ยวชาญพอสมควร การมีความรู้ทางวิชาการอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีประสบการณ์ การทำงานภาคธุรกิจ กับเอกชน และภาคส่วนต่างๆ มีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดีเพื่อขับเคลื่อนนโยบายทางเศรษฐกิจเกิดผล ซึ่งชื่อนางนฤมล นั้นถึงแม้จะเป็นคนที่มีความรู้วิชาการ แต่อย่างที่เรียนว่าเรื่องเศรษฐกิจมีความซับซ้อน ต้องอาศัยประสบการณ์ และมีเครือข่าย ซึ่งดูจากประวัติที่ผ่านมา
ชี้“นฤมล”ไม่เหมาะนั่งหน.เศรษฐกิจ
“แม้นางนฤมลจะเคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นโฆษกคณะรัฐมนตรี แต่ในแง่ของการบริหารทางการเมือง ยังไม่เห็นประสบการณ์ ซึ่งเป็นจุดสำคัญของคนที่จะมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นอกจากนี้ คือการต้องสร้างให้เกิดการยอมรับจากทุกฝ่าย ซึ่งสำคัญมาก แต่ก่อนหน้านี้เราจะเห็นว่ามีกระแสเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวโฆษกประจำสำนักนายกฯ สะท้อนเรื่องการยอมรับพอสมควร แล้วถ้ามานั่งตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจจะได้รับการยอมรับมากน้อยแค่ไหน” นายยุทธพร กล่าว
นายยุทธพร กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญคือต้องหาคนที่ทำงานเศรษฐกิจเข้ามาให้ได้ เพราะประเด็นหลักคือการวางยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจหลังจากนี้ ฉะนั้น การวางทีมเศรษฐกิจที่ลงตัวคงน่าจะเป็นจุดที่สำคัญในการที่จะเคาะว่าการปรับครม.ควรจะเกิดขึ้นหรือยัง แต่วันนี้เมื่อเราไม่เห็นสัญญาณจากคนนอกมานั่งในทีม ก็มีความเป็นไปได้ที่พปชร.อาจจะตัดสินใจให้มีคนในพรรคเป็นผู้ประสานงาน แก้ปัญหา แต่ก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของพปชร. และรัฐบาล
“วันนี้ถ้ายังไม่ลงตัวเรื่องทีมเศรษฐกิจ คิดว่าควรชะลอการปรับครม. จนกว่าจะได้ทีมผู้เชี่ยวชาญ แต่ในสภาพความเป็นจริง ผมคิดว่าเขาคงไม่รอ คงปรับครม.โดยให้นางนฤมลเป็นผู้ประสานงานเอาคนเชี่ยวชาญเข้ามา เพราะถ้ารอคงไม่เปิดเผยชื่อนางนฤมลออกมา แต่ความคาดหวังประชาชนต้องการเห็นทีมเศรษฐกิจที่ลงตัวก่อนปรับครม.” นายยุทธพร กล่าว
เชื่อนายกฯไม่ไว้ใจ“นฤมล”
นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Chuchart Srisaeng ระบุว่า นายอนุชา นำทีมกรรมการบริหารพรรคพปชร.ชุดใหม่แถลงข่าว โฉมหน้าทีมเศรษฐกิจใหม่ของพรรคจะนำโดยนางนฤมล และคนมีชื่อเสียงของประเทศ ขอให้รอตกผลึกอีกครั้ง อดสงสัยไม่ได้ว่า จะไหวหรือ เพราะถ้าพิจารณาจากการที่นางนฤมล ที่ทำหน้าที่โฆษกของรัฐบาลเป็นเวลา 1 ปีเศษ การทำงานที่ปรากฏต่อสาธารณชนก็คือไม่ต่างกับรัฐบาลชุดนี้ไม่มีโฆษก
“ท่านนายกฯคงทราบดี จึงได้แต่งตั้งให้ นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน เป็นโฆษกศบค. เพราะถ้าให้โฆษกรัฐบาลเป็นผู้แถลงข่าวเรื่องโควิด-19 เชื่อได้เลยว่าประชาชนจะไม่รับฟัง การให้ความร่วมมือของประชาชนจะไม่เกิดขึ้น เมื่อประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ การแก้ปัญหาโควิด-19 คงไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้”
นายชูชาติ ระบุอีกว่า วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ ควรต้องมีความสามารถที่ประชาคมโลกยอมรับในระดับเดียวกับนายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การค้าโลก และอดีตเลขาธิการอังก์ถัด หรือนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นรัฐมนตรีคลังโลก
ทั้งนี้อาจเป็นการติเรือทั้งโกลน แต่เป็นการดูจากผลงานที่ผ่านมาประชาชนไม่เชื่อถือ และด้วยความเป็นห่วงประเทศชาติ
สะพัดปรับ“ชาติพัฒนา”พ้นครม.
รายงานจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการปรับครม.ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม จะเกลี่ยโควตารัฐมนตรีให้พรรคร่วมรัฐบาลใหม่ด้วย เนื่องจากบางพรรคมี ส.ส. เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนโควตากันใหม่ ทั้งมีความเป็นไปได้สูงที่ พรรคชาติพัฒนา จะถูกปรับออกจากครม. โดยริบโควตาที่นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลับคืนมาเพื่อเกลี่ยให้พรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากพรรคชาติพัฒนามี ส.ส. เพียงแค่ 3 คน ซึ่งถือว่าน้อยมาก
“สุวัจน์”ชม“ประวิตร”เหมาะคุมพปชร.
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานที่ปรึกษา พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) กล่าวถึงการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ของพรรคพปชร. ว่า ในนามพรรคชาติพัฒนาขอแสดงความยินดีกับพรรคพลังประชารัฐภายใต้การนำของพล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคคนใหม่ และผู้บริหารพรรคชุดใหม่ จะสามารถสร้างความเข้มแข็งมั่นคงให้กับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
โดยรัฐบาลชุดปัจจุบันประกอบด้วยจำนวนพรรคการเมืองมากที่สุดที่เคยมีมา และเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนส.ส. ของรัฐบาลก็ไม่มากนัก ความเป็นปึกแผ่นและความสามัคคีของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
“พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองที่พรรคร่วมรัฐบาลให้ความเคารพนับถืออยู่แล้ว รวมทั้งประสบการณ์ด้านการบริหารที่ผ่านมาสามารถที่จะประสานการทำงานร่วมกันของทุกพรรคให้เกิดความเรียบร้อยตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลกำลังทำงานอย่างหนัก ทั้งการแก้ไขปัญหาเรื่องโควิดและเศรษฐกิจที่ลุกลามไปเกือบทุกประเทศทั่วโลก เสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคง การยอมรับ” นายสุวัจน์ กล่าว
ทั้งนี้ความร่วมมือจากทุกฝ่ายจะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญให้ ที่ทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ. ประยุทธ์ ประสบความสำเร็จ ในการนำพาประเทศชาติและประชาชนฝ่าวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเศรษฐกิจไปได้