เดิมพัน 2 ขั้วการเมือง ศึกเมืองปากน้ำ
โหมดการเมืองเข้าสู่การเลือกตั้งอีกครั้ง หลังจากที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้มีการจัดเลือกตั้ง ส.ส. เขต 5 จังหวัดสมุทรปราการ
อันเนื่องมาจากจากกรณีที่ “กรุงศรีวิไล สุทินเผือก” อดีต ส.ส. จากพรรคพลังประชารัฐ ถูกใบเหลืองจากเหตุคนใกล้ชิดไปมอบพวงหรีดและเงินใส่ซองช่วยงานศพ 1,000 บาทต่อประชาชนในพื้นที่
อันเป็นเข้าข่ายเป็นการให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ นายกรุงศรีวิไล เป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1)
ขั้นตอนหลังจากนี้ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)”จะประสานไปยังคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ทูลเกล้าฯตราพระราชกฤษฎีกา เลือกตั้งส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างก่อนจะมีการประชุมเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งต่อไป
ศึกเลือกตั้งเขต 5 สมุทรปราการ ที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจเรียกว่าเป็นสนาม “ประลองฝีมือ” ของใครหลายๆคนทั้งตัว “กรุงศรีวิไล” เจ้าของเก้าอี้เดิมที่แม้จะโดนใบเหลือง แต่กฎหมายยังเปิดช่องให้เขาสามารถลงชิงตำแหน่งอีกครั้งได้
ขณะเดียวสนามดังกล่าวยังถือเป็นสนามแรกที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะพิสูจน์ฝีมือหลังขึ้นแท่น “ผู้นำค่ายพลังประชารัฐ” อีกด้วย
ไม่ต่างจากฟากฝั่งของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ “พรรคเพื่อไทย” และ “พรรคก้าวไกล” ที่ครั้งนี้ถือเป็น “ศึกล้างตา” ครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งเพราะหากดูจากผลการเลือกตั้งล่าสุดเมื่อวันที่24มี.ค.2562 จะพบว่า กรุงศรีวิไล จากพรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนน 41,745 คะแนน
ขณะที่ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย คือ “สลิลทิพย์ สุขวัฒน์” ได้คะแนนมาเป็นอันดับที่2 ด้วยคะแนน 33,007คะแนน และอันดับที่3คือ “ตรัยวรรธน์ อิ่มใจ” จากพรรคพรรคอนาคตใหม่ เบอร์ 13 ได้ 31,430คะแนน
หากเทียบผลคะแนนระหว่างอันดับหนึ่งและสอง จะเห็นว่า มีคะแนนต่างกันอยู่ประมาณ1หมื่นคะแนนเท่านั้น
ดังนั้น หากนำ33,007คะแนนของพรรคเพื่อไทย เป็นตัวตั้ง และเดินเกมเปิดดีลกับพรรค “ก้าวไกล” ซึ่งแปลงร่างมาจากพรรคอนาคตใหม่เดิมในการรวมเสียง 2 พรรคคือ “33,007+31,430 คะแนน” เท่ากับว่าจะ มีคะแนนอยู่ในมือกว่า 6 หมื่นคะแนน
ซึ่งหาก 2 พรรค ตกลงกันเพื่อรวบรวมเสียงตามสมการดังกล่าวแล้วส่งผู้สมัครเพียงคนเดียว นั่นหมายความว่า โอกาสที่ “ขั้วฝ่ายค้าน” จะกำชัยมีอยู่พอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่ที่ “เรทติ้ง”ของทั้ง2พรรคด้วยว่า จะยังมีอยู่เช่นเดิมหรือไม่?
แม้ศึกครั้งนี้จะเป็นเพียงการสนามเดียวและคงไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมากเท่าไรนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงถือเป็นอีกหนึ่งสนามสำคัญในการ “สนามวัดฝีมือ” ของ2ขั้วการเมือง!