นายกฯถกทีมที่ปรึกษาวันนี้ - เล็งปรับโครงสร้างหนี้
"ประยุทธ์" เดินหน้าทำงานแบบนิว นอร์มอล ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศ ประเมินทุก 1 ปี 3 ปี ยอมรับห่วงปัญหาด้านเศรษฐกิจ ยันใช้งบ 4 แสนล้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ให้มีการต่อยอดลงทุนจากเอกชน-กระตุ้นท่องเที่ยวทั่วประเทศ นัดนักธุรกิจ-นักวิชาการถกวันนี้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ เล็งปรับโครงสร้างหนี้สกัดหนี้เสียลาม
วานนี้ (9 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะเดินทางไปยังสำนักงานเนชั่น บางนา เพื่อประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หัวข้อการขับเคลื่อนประเทศ ร่วมกับผู้บริหารและกองบรรณาธิการเครือเนชั่นนำโดยนายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แนวทางการทำงานและคำแถลงเรื่องการเมืองวิถีใหม่หรือนิว นอร์มอลคือสิ่งสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันโลกเปลี่ยน ประเทศและผู้คนก็เปลี่ยนพฤติกรรม รวมถึงสถานการณ์ทางความมั่นคง จึงจำเป็นจะต้องปรับวิธีคิด ความหมายของนิว นอร์มอลไม่ใช่เรื่องการทำโครงการ แต่เป็นการปรับวิธีคิด ปรับมายด์ เซ็ต การเปิดรับข้อมูลทางวิชาการซึ่งมีอยู่มากมาย การรับฟังคนที่มีความรู้สามารถด้านต่างๆ จากนั้นก็นำมาสังเคราะห์ สกัดออกมาเป็นนโยบาย
“ที่สำคัญคือฟังประชาชนมากขึ้น จริงๆ แล้วผมเป็นคนทำงานเร็ว ตัดสินใจเร็วแต่ในสถานการณ์แบบนี้ต้องช้าลงบ้าง เพื่อฟังให้มากขึ้น ยกตัวอย่างการวางแผนรับมือกับภาวะเศรษฐกิจและการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19”
แนวคิดและแผนการในเรื่องโควิดจะมีการทุ่มเทให้กับสิ่งสำคัญก่อนเป็นลำดับแรก โดยในส่วนของเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ได้ใช้วงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท มอบให้กระทรวงสาธารณสุขไปดำเนินการ และแม้จะมีเงินเหลืออยู่ ก็ต้องเตรียมเอาไว้รองรับเผื่อมีการระบาดระลอกที่ 2 แต่ถ้าสุดท้ายไม่มีการระบาด ก็จะนำไปซื้อเครื่องมือแพทย์
สำหรับการจ่ายเยียวยาพี่น้องประชาชนกลุ่มต่างๆ เดือนละ 5 พันบาท เป็นเวลา 3 เดือนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่าไม่ใช่ประชานิยม แต่ต้องช่วยเหลือประชาชน เพราะวิกฤติครั้งนี้ใหญ่มาก ใหญ่กว่าปี 2540
ห่วงศก.-ใช้งบ4แสนล้านให้คุ้มค่า
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ท่ามกลางการผ่อนคลายมาตรการโควิด ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงปัญหาด้านเศรษฐกิจ จึงต้องหาวิธีฟื้นเศรษฐกิจควบคู่กันไป ซึ่งผ่อนคลายมาแล้ว 5 เฟส เมื่อมีการผ่อนคลาย ก็จะทำให้ประชาชนทำมาหากินได้มากขึ้น ในขณะที่รัฐบาลก็ต้องจัดทำโครงการเพื่อรองรับวิถีใหม่ของพี่น้องประชาชน เช่น เกษตรแปลงใหญ่ สมาร์ทฟาร์มเมอร์ สิ่งเหล่านี้ต้องเกิดทุกตำบล ใช้งบเงินกู้ในส่วน 4 แสนล้านบาท ถือเป็นงบหัวเชื้อ เมื่อขับเคลื่อนได้ก็นำไปใส่ในงบปกติเพื่อขยายผลต่อยอดในปีต่อๆ ไป ที่สำคัญให้ภาคเอกชนที่มีกำลังมารับช่วงต่อในการลงทุนให้เกิดการจ้างงาน กระตุ้นให้เศรษฐกิจหมุนเวียน
ส่วนประเด็นที่ถูกวิจารณ์เรื่องการกู้เงินจำนวนมากจนเกือบชนเพดานหนี้สาธารณะนั้น มั่นใจว่ายังสามารถบริหารจัดการได้ และไม่เกินเพดานที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างแน่นอนนายกฯยืนยันด้วยว่า รัฐบาลจะดูแลประชาชนผ่านงบฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท และงบประมาณปี 2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาทอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสด เห็นได้จากการทยอยอนุมัติงบฟื้นฟูล็อตแรกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
5 โครงการ 1.5 หมื่นล้านบาท
โดยกรอบ 4 แสนล้าน ระยะแรกจำนวน 9.2 หมื่นล้านบาท 2 ส่วนโครงการคือโครงการที่เป็นเศรษฐกิจฐานราก สร้างงานให้กับคนที่ตกงานและกลับบ้าน และโครงการทำให้เศรษฐกิจมีความเข้มแข็งเชื่อมโยงกันทั้งเหนือใต้ออกตก ทำให้เกิดการจ้างงาน 4 แสนคน ส่วนที่เหลือจะเสนอเข้า ครม. ต่อไป ซึ่งเป็นการทำงานแบบนิวนอร์มอลของรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ยังพร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ หลังเห็นการเดินทางท่องเที่ยวของประชาชนช่วงวันหยุดที่ผ่านมา หากต้องเพิ่มวันหยุดโดยไม่กระทบส่วนอื่นๆ ก็จะพิจารณา นอกจากนี้ยังสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหามาตรการเพิ่มเติมเนื่องจากการท่องเที่ยวไม่ใช่แค่ทำให้เกิดสภาพคล่องในพื้นที่ ยังทำให้ประชาชนมีความสุข
ถกนักธุรกิจ-ที่ปรึกษาเศรษฐกิจวันนี้
พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยด้วยว่า ได้สั่งการให้เลื่อนประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่จะมีขึ้นในวันนี้ (10 ก.ค.) ออกไปก่อน เนื่องจากจะมีการเชิญคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการเข้ามาประชุม เพื่อดูข้อมูลและความเห็นทางเศรษฐกิจทั้งหมดจากนั้นจึงจะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปหารือใน ครม.เศรษฐกิจอีกครั้งในวันนี้( 10 ก.ค.) จะมีการประชุม ครม.เศรษฐกิจ โดยตนนั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน จากนั้นจะมีการเชิญประชุมที่ปรึกษาที่ตั้งเอาไว้ทั้งหมด เพื่อรับฟังข้อเสนอจากที่ปรึกษาด้วยตัวเอง ทั้งจากภาคเอกชน รายเล็กรายกลาง รายใหญ่ และผู้เชี่ยวชาญที่ตั้งเป็นทีมงาน เพื่อนำข้อเสนอมาสังเคราะห์ ก่อนเสนอเข้าหารือในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ และครม.ชุดใหญ่ เพื่อกำหนดเป็นมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะต่อไป
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ตนและทีมงานจะประชุมกับคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจทุกฝ่าย ได้แก่ พ่อค้านักธุรกิจและนักวิชาการ เพื่อระดมความคิดเห็นในการแก้ปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจในระยะถัดไป เป็นการรับฟังข้อมูลข้อเสนอแนะสรุปเป็นยุทธศาสตร์ “ผมและทีมงานใกล้ชิดจะนำข้อมูลจากที่ปรึกษามาแชร์กับ ครม.เศรษฐกิจ จึงจะนำก่อนเข้า ครม. ไม่ใช่ให้ ครม.เศรษฐกิจเสนอมาฝ่ายเดียวเหมือนที่ผ่านมา”
ก่อนหน้านี้เดิมนายกรัฐมนตรีกำหนดการประชุม ครม.เศรษฐกิจทุก 2 สัปดาห์เริ่มจากวันที่ 10 ก.ค. โดยในครั้งแรกจะเป็นการหารือในเรื่องการติดตามภาวะเศรษฐกิจและให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) จากนั้นในวันที่ 24 ก.ค.จะมีการประชุม ครม.เศรษฐกิจในเรื่องการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้ และจะกระทบกับการจ้างแรงงานจำนวนมาก
สำหรับที่ปรึกษาเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีที่มีการแต่งตั้งขึ้นตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 55/2562 มีจำนวน 6 คน ได้แก่ นายดิสทัต โหตระกิตย์ นายบุญทักษ์ หวังเจริญ นายปิติ ตัณฑเกษม นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
เล็งแก้หนี้-ปรับโครงสร้างทั้งระบบ
นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหาหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) เป็นสิ่งสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ ทั้งนี้การพักชำระหนี้6 เดือนซึ่งจะหมดอายุในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ต้องมีการแก้ปัญหาหรือหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อให้เดินหน้าต่อไปทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ ไม่เป็นภาระของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากจนเกินไปอาจจะต้องประชุมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เป็นฝ่ายกำกับดูแล เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสม เช่น ธนาคารพาณิชย์ไม่คิดดอกเบี้ยที่สูงเกินไป ส่วนลูกหนี้ก็ต้องมีวินัย ไม่มีการเบี้ยวหนี้หรือสร้างพฤติกรรมส่อไปในทางเบี้ยวหนี้ เบื้องต้นอาจจะมีการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกูรูและที่ปรึกษา
นอกจากนี้ นายกฯ ยอมรับว่ารู้สึกหนักใจ หากวิกฤติโควิดยืดเยื้อยาวนาน อาจจะทำให้ประชาชนลำบากมากขึ้น ฉะนั้นต้องหาทางเปิดการท่องเที่ยวแบบปลอดภัย ซึ่งต้องทำให้ได้ และคิดว่าการเดินทางเยือนไทยของ ผบ.ทบ.สหรัฐ ซึ่งรัฐบาลไทย
มีมาตรการเข้มในการตรวจวัดไข้ และมีระบบติดตามตลอดเวลาที่พำนักในประเทศไทย จะเป็นต้นแบบนำมาปรับใช้กับการเปิดตลาดการท่องเที่ยวและรับนักลงทุนได้ สำหรับแนวคิด “รวมไทยสร้างชาติ” ที่ได้ประกาศก่อนหน้า เป็นเรื่องวิธีการทำงาน ดึงคนดี คนเก่งซึ่งมีอยู่มากมายมาช่วยกัน ดึงข้อมูลดีๆ มาสังเคราะห์ เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาประเทศ นี้ นายกฯยืนยันว่า จะเดินหน้าปฏิรูประบบราชการ ใช้ออนไลน์ให้มากขึ้นและเดินหน้าเรื่องบิ๊กดาต้า เชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐของทุกกระทรวง แต่ต้องคำนึงสิทธิความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้แผนยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศระยะยาว จะต้องปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เร็วขึ้น โดยยุทธศาสตร์ประเทศจะมีการประเมินใหม่ทุก 1 ปี 3 ปีและ 5 ปีเป็นอย่างช้า โดยการทำงานตลอดระยะเวลา6 ปี ได้มีการประเมินมาอย่างต่อเนื่อง
นายกฯยังแสดงความเป็นห่วงเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยที่มีการนำไปบิดเบือน ตัดต่อ และเด็กรุ่นใหม่อาจจะละเลย โดยฝากให้สื่อมวลชนช่วยกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีพระมหากรุณาธิคุณกับประเทศ บ้านเมืองของเราไม่เคยแตกแยกถึงขั้นเข่นฆ่ากันเหมือนบางประเทศ อย่างเช่นการเลิกทาส ก็ไม่มีความรุนแรง จึงอยากให้สื่อช่วยกันนำเสนอความเข้าใจที่ถูกต้องสู่สังคมต่อไป
สำหรับการมาของนายกรัฐมนตรี ได้ผ่านขั้นตอนการตรวจคัดกรองโรค ก่อนที่จะเข้ามาภายในอาคาร จากนั้น ได้พบปะทักทายพนักงานเครือเนชั่น และถ่ายภาพรวมกันเป็นที่ระลึก ก่อนจะขึ้นไปยังชั้น 10 เพื่อทำการหารือกับผู้บริหารเครือเนชั่น ทั้ง ผู้บริหารจากเนชั่นทีวี/กรุงเทพธุรกิจ/ฐานเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรีกล่าวตอนต้นว่า วันนี้เดินทาง มาเยี่ยมเนชั่นเป็นครั้งแรก หลายปีที่ผ่านมาได้ นายกก็ได้ติดตามดูข่าว และก็ดูทุกช่องอยู่แล้ว หลังใช้เวลาการหารือกับผู้บริหาร นานกว่า 1 ชั่วโมงอย่างเป็นกันเอง นายกรัฐมนตรีก็ได้เดินทางกลับ โดยได้แวะถ่ายภาพกับพนักงานเครือเนชั่น บริเวณหน้าทางออกของอาคารอย่างเป็นกันเองและอบอุ่น