'ประธานอัยการ' ซัดคำสั่ง 'เนตร นาคสุข' สั่งคดีบอสไม่ชอบ
"อรรถพล" ประธานอัยการ ยันคำสั่ง "เนตร นาคสุข" ไม่ฟ้อง "บอส อยู่วิทยา" ไม่ชอบ หลังอดีตอัยการสูงสุด (อสส.) เคยสั่งยุติเรื่อง ร้องขอความเป็นธรรมไปแล้ว
ความเคลื่อนไหวหลังจากที่อัยการแถลงชี้แจงกรณีไม่สั่งฟ้องนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา
ล่าสุดมีความเห็นมาจาก นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะ กรรมการอัยการ (ก.อ.) กล่าวภายหลังสักการะท้าวสุรนารี จ.นครราชสีมา ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเเสดงความเห็นข้อกังขากรณีที่รองอัยการสูงสุดมีคำสั่ง ไม่ฟ้องนายวรยุทธว่า กฎหมาย ป.วิอาญามีการเริ่มใช้ตั้งเเต่ พ.ศ. 2477 เเละมีระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยว่าด้วยการดำเนินคดีอาญา 2547 ซึ่งต่อมามีการแก้ไข 9 ครั้ง โดยยืนยันว่าทางระเบียบและกฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ดีที่สุดในโลก เนื่องจากให้สิทธิพนักงานอัยการ รวมถึงผู้เสียหายให้ฟ้องคดีอาญาได้ ตนเห็นด้วยกับหลักการดังกล่าวนี้ ซึ่งการทำงานตามระเบียบดังกล่าวเปรียบเสมือนตราชู ส่วนที่กล่าวกันว่าตราชูเอียงตรงนี้ไม่ได้อยู่ที่ระบบเพราะระบบกฎหมายดีอยู่แล้ว
“แต่ตราชูจะเอียงนั้นอยู่ที่คนชั่งตราชู” ตรงนี้จึงต้องไปดูตรงบุคลากรว่าได้สั่งคดีตามกฎหมายเเละระเบียบถูกต้องโดยชอบหรือไม่ เพราะดุลพินิจในการสั่งคดีนั้น จะต้องชี้แจงให้ชัดว่าเป็นอย่างไร ถ้าสั่งโดยชอบก็หมดปัญหา เเต่ถ้าสั่งโดยไม่ชอบก็จะต้องดูเรื่องวินัย ตนในฐานะ ประธานก.อ.ได้ลงไปตรวจสอบเเล้ว เเต่ในสำนวนนี้ประชาชนยังเข้าใจผิดจากคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง ตามที่ทราบกันตามที่ปรากฎ เพราะในมาตราการสั่งคดีนั้น สำคัญที่ว่าถือว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องหรือไม่”
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ตนซึ่งเป็นประธาน ก.อ.เปรียบเสมือนผู้คุมกฎขอชี้เเจงให้ประชาชนสบายใจว่าเราไม่มีการเเบ่งเเยกคนจน คนรวย การร้องขอความเป็นธรรมจำนวนหลายครั้งของนายวรยุทธ ผู้ต้องหาในชั้นหลังที่มีประเด็นที่มีการพิจารณาของ ศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ และรายงานพิจารณาศึกษาของกมธ.กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจของสนช.ด้วย ร.ต.ต. พงษ์นิวัติ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดในขณะนั้นได้สั่งให้ยุติการพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมของนายวรยุทธ ผู้ต้องหาที่ 1 แล้ว ดังนั้นต้องถือว่าคำสั่งฟ้องที่สั่งไว้มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย คือคำสั่งของอธิบดีอัยการสำนักงานกรุงเทพใต้ที่สั่งฟ้องไปก่อนหน้านี้
ส่วนประเด็นเรื่องที่นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด มากลับความเห็นก็จะต้องไปดูข้อ 4 ของหนังสือซึ่งตนเขียนเรียนต่ออัยการสูงสุดไว้ว่า “หลังจากนั้นหากมีกรณีร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาสู่การพิจารณาของพนักงานอัยการอีกการที่พนักงานอัยการคนใดจะหยิบยกเพื่อพิจารณาให้ความเป็นธรรมโดยสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมและมีคำสั่งใดๆ ใหม่ต้องมีคำสั่งจากอัยการสูงสุดก่อนจึงจะดำเนินการได้”
กรณีนี้จึงเป็นกรณีที่อัยการสูงสุดได้วินิจฉัยไว้แล้วเเละให้ยุติกรณีร้องขอความเป็นธรรม หากพนักงานอัยการผู้ใดมีการหยิบคำร้องขอความเป็นธรรมขึ้นพิจารณาอีกเเละมีคำสั่งให้ดำเนินการเพิ่มเติมโดยมิได้ข้ออนุญาตหรือความเห็นชอบต่ออัยการสูงสุด ซึ่งคดีนี้ทราบว่าไม่มีการขอ ขั้นตอนต่อไปหลังออกคำสั่งดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเเละระเบียบทำให้คำสั่งไม่ฟ้องดังกล่าวไม่อาจมีผลใช้บังคับ เเละในข้อ 5 ตนเน้นให้เห็นชัดว่า คำสั่งฟ้องของอธิบดีอัยการสำนักงานอาญากรุงเทพใต้ยังมีผลอยู่นั่นคือตอนนี้อัยการมีคำสั่งฟ้องอยู่ ที่บอกว่าต้องไปรื้อ ไม่ต้องไปรื้อเพราะคำสั่งฟ้องเดิมยังใช้ได้อยู่ ซึ่งตนได้ทำหนังสือถือ อสส.ในฐานะ ประธาน ก.อ.เเละอยากชี้เเจงให้ประชาชนทราบว่าจนหรือรวยติดคุกได้หมด คนรวยติดคุกหลายคนเเล้วบางคนตายในคุกด้วย