สถานการณ์ม็อบ ถอดฟืนออกจากเตา

เราเห็นว่าสถานการณ์ม็อบกำลังขยายตัว ทั้งสองขั้วสองกลุ่ม ต่างมีจุดยืนกันคนละฝั่ง ดังนั้นรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องรีบดึงฟืนออกจากเตา เพื่อไม่ให้สถานการณ์รุนแรงบานปลาย เป็นความขัดแย้งของสังคม จนประเทศเราเป็น “รัฐที่ล้มเหลว” อีกครั้ง เนื่องจากหลายกลุ่มก้อนเริ่มเคลื่อนไหว ใช้ความรู้สึก สร้างวาทกรรมความขัดแย้ง ไม่ได้อยู่บนหลักการที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ข้อเรียกร้องต่างๆ นานา ต้องอยู่บนพื้นฐานของประเทศไทย ขณะเดียวกันต้องเปิดรับความคิดเห็นที่แตกต่าง และคิดตลอดเวลาว่าทุกคนล้วนเป็นคนไทย 

ที่ต้องย้ำกันแบบนี้ เพราะหลายเหตุการณ์ประท้วงในอดีต คนไทยเข่นฆ่ากันเอง โดยลืมไปว่านั่นคือเพื่อน ญาติมิตร คนไทยด้วยกัน อย่ารังเกียจคนคิดเห็นต่าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเคลื่อนไหวภายใต้กรอบของข้อกฎหมาย ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องวางมาตรการที่จริงจังพอสมควร ในฐานะผู้ดูแลผลประโยชน์และความปลอดภัยของทุกฝ่าย แม้จะต่างอุดมการณ์กับรัฐบาลก็ตาม และไม่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสนับสนุนบางกลุ่มให้ออกมาต่อต้าน ขณะเดียวกันต้องมีความอดทนมากพอที่จะอธิบายต่อสังคม นักศึกษา ถึงการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง ข้อเสนอที่อยู่ในกรอบกฎหมาย 

รัฐบาลต้องทำทุกวิถีทางที่จะดึงฟืนออกจากเตา หมายถึงว่า อะไรที่เป็นเชื้อเพลิงเติมความขัดแย้ง ต้องดึงออกมา และหากเห็นว่าสิ่งไหนที่รัฐบาลดำเนินการได้ และช่วยดับความร้อนแรงของความขัดแย้งก็ควรดำเนินการ เพราะยิ่งม็อบขยายตัวมากขึ้น และกำลังจะเป็นแบบนั้น ทั้งสองกลุ่มก้อน อาจจะมีมือดีเข้ามาสร้างสถานการณ์เพิ่มรอยร้าวได้ ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมต้องตระหนักว่าการได้มาซึ่งข้อเรียกร้องนั้น ทำได้หลายวิธีนอกเหนือจากการชุมนุม เช่น กดดันผ่านสื่อ กดดันผ่านพรรคการเมือง กดดันผ่านรัฐสภา เป็นต้น 

ขณะเดียวกัน คนในโลกโซเชียลต้องระมัดระวังทุกโพสต์ ทุกข้อความที่แสดงออกไป ไม่สร้างความเกลียดชังหรือก่อความขัดแย้ง เพราะวันนี้ดูเหมือนอารมณ์รุนแรงเหนือเหตุผลเข้าไปทุกวัน โพสต์ต่างๆ เต็มไปด้วยความรู้สึกล้วนๆ ขณะเดียวกัน กลุ่มนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นให้หยุดคุกคาม เชื่อว่ามีแนวร่วมจำนวนมาก แต่การยกประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นจุดรวมจิตใจของคนไทยมาเคลื่อนไหว ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ตอนนี้ทุกฝ่ายยังมีเวลาทบทวนจุดยืนตัวเอง หากปล่อยไปรุนแรงกว่านี้ จะเป็นเรื่องยากที่จะถอนคันเร่ง