แซงโค้ง! เบื้องลึก 'สุชาติ ธีระสวัสดิ์' มาแรงนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.

รายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ระบุว่า ขณะนี้การจัดทำโผบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ผู้บัญชาการ (ผบช.) รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ประจำปี 2563 ที่เดิมส่วนใหญ่ค่อนข้างจะลงตัวหมดแล้ว แต่ล่าสุดมีโอกาสเกิดการพลิกในบางตำแหน่งสำคัญโดยเฉพาะตำแหน่ง ผบ.ตร.

จากเดิม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร.ที่มีอาวุโส ลำดับที่ 5 และได้แรงหนุนจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็น ผบ.ตร. เบียด พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผบ.ตร. อาวุโส ลำดับที่ 3 ที่เป็นอีกหนึ่งตัวเต็ง ไปได้ แต่ขณะนี้กลับมีชื่อของ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. ที่มีอาวุโส ลำดับที่ 2 มาแรงแซงโค้งที่มีโอกาสจะคว้าเก้าอี้ ผบ.ตร.ไปครอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังปรากฏชื่อของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็นแคนดิเดตที่จะได้เป็น ผบ.ตร. ขึ้นมา ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) และประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) รู้สึก “ไม่ค่อยแฮปปี้” เท่าไหร่ จึงมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะพลิกโผหวยอาจจะไปออกที่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร.ที่มีอาวุโสอันดับที่ 1 หลุดวงโคจรการลุ้นขึ้นเป็น ผบ.ตร.ไปแล้ว เนื่องจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ มีคำสั่งให้สำรองราชการ

สำหรับ พล.ต.อ.วิระชัย เพิ่งกลับเข้าทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในตำแหน่ง รองผบ.ตร. เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังถูกย้ายไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเวลานานกว่า 6 เดือน ระหว่างถูกสอบกรณีคลิปเสียงระหว่างพล.ต.อ.วิระชัยกับ ผบ.ตร. ซึ่งเป็นการสนทนาเกี่ยวกับคดีการลอบยิงรถ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา และนายกฯ มีคำสั่งให้กลับไปปฏิบัติราชในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง เมื่อการตรวจสอบปม คลิปเสียง สิ้นสุดลง

ปัจจุบัน รองผบ.ตร. มีอยู่ 5 คน เรียงตามลำดับอาวุโส ดังนี้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา, พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์, พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก, พล.ต.อ.ชนสิษฏ์ วัฒนวรางกูร และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข

ส่วนการประชุม ก.ตร.และ ก.ต.ช. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน เพื่อเคาะบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับสูงประจำปี 2563 นั้น คาดว่าจะมีขึ้นช่วงปลายเดือน ส.ค.นี้

โดยขั้นตอนการเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 53 ระบุว่า “ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ หรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วเสนอ คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง"

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ หรือ “บิ๊กใหม่” รองผบ.ตร.อาวุโส ที่มีโอกาสจะได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ นอกจากอาวุโสอันดับ 2 นับว่าเป็นคนกลาง ไม่มีความขัดแย้งกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 

ประวัติส่วนตัว เกิดเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2504 จะเกษียณอายุราชการ ในปี 2565 เป็นบุตรชายของ พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และเป็นน้องชายของ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ อดีตที่ปรึกษา สบ.10 และอดีตผู้ช่วยผบ.ตร. มีญาติเป็นข้าราชการตำรวจหลายนาย

การศึกษาระดับมัธยมปลาย จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่นที่ 97 ระดับปริญญาตรี จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 36 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และระดับปริญญาโทสาขาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม จากคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

เริ่มรับราชการเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2526 ในตำแหน่ง รองสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ผ่านงานสืบสวนติดตามการดำเนินคดี ตลอดจนนำกำลังตรวจค้นเป้าหมาย และปราบปรามคดีสำคัญเป็นจำนวนมาก 

ตลอดช่วงปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเวลากว่า 13–14 ปี ได้นำกำลังลูกน้องออกเดินตรวจสอบเหตุการณ์ความไม่สงบ นำกำลังตำรวจปิดล้อมตรวจค้น และต่อสู้ปะทะกับผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นที่รับรู้กันอย่างดีสำหรับลูกน้องและชาวบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้.