เจาะงบ “องค์การสวนสัตว์” 66 ปี ภารกิจขยายพันธุ์สัตว์หายาก

ขยายพันธ์ุสัตว์หายาก เปิดภารกิจ "องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ" บนงบประมาณ 800 ล้าน
กลายเป็นข่าวที่อยู่ในความสนใจของสังคม เมื่อนายสุริยา แสงพงค์ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถูกนายภูวดล สุวรรณะ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์วิจัย ยิงเสียชีวิตขณะลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีเก้งเผือกหาย จากนั้นนายภูวดล ได้ยิงตัวตายตาม
หลายคำถามพุ่งเป้าไปที่ภารกิจหน้าที่ของ "องค์การสวนสัตว์ฯ" ซึ่งมีชื่อเต็มๆ ว่า องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์ มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่มีการก่อตั้งสวนสัตว์ดุสิต ในปี พ.ศ.2481 ขณะนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลนครกรุงเทพฯ หรือกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน
ต่อมาในปี 2496 ได้เสนอเรื่องให้รัฐบาลจัดตั้งเป็น "องค์การ" ขึ้นมา เพื่อให้การบริหารงานมีความคล่องตัว และมีงบประมาณมากขึ้นจากนั้นในปี 2497 จึงมีการตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง "องค์การสวนสัตว์" ขึ้นตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรี
กระทั่งวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2506 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงรับองค์การสวนสัตว์ไว้ในพระบรมราชูปถัมป์ ตั้งแต่นั้นมาจึงใช้ชื่อว่า "องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมป์" สถานะในปัจจุบันเป็นรัฐวิสาหกิจ ขึ้นตรงกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ องค์การสวนสัตว์ มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านการให้การศึกษา การอนุรักษ์และขยายพันธุ์ และการจัดสวนสัตว์ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป มีสวนสัตว์อยู่ในความรับผิดชอบ 8 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย 1.สวนสัตว์ดุสิต 2.สวนสัตว์เปิดเขาเขียว 3.สวนสัตว์เชียงใหม่ 4.สวนสัตว์นครราชสีมา 5.สวนสัตว์สงขลา 6.สวนสัตว์อุบลราชธานี 7.สวนสัตว์ขอนแก่น และ8.โครงการคชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์
ขณะที่พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ เพิ่งมีการปรับปรุงใหม่ และประกาศใช้เมื่อเดือนมิถุนายน 2563 เนื่องจากพระราชกฤษฎีกาฉบับเดิมบังคับใช้มานาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2497 จึงมีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับภารกิจและหน้าที่และอำนาจขององค์การสวนสัตว์ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
ประกอบกับมีพระราชกฤษฎีกายุบเลิก สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ.2562 ซึ่งบัญญัติให้โอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งเป็นของสำนักงานพัฒนาพิงคนครฯ มาเป็นขององค์การสวนสัตว์ด้วย จึงมีความจำเป็นต้องตราพระราชกฤฤษฎีกาขึ้นมารองรับ
เมื่อตรวจสอบงบประมาณขององค์การสวนสัตว์ พบว่า ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณ 2563 จำนวน 876 ล้านบาท(876,881,500 บาท) ขณะที่ปีงบประมาณ 2564 ซึ่งรอการบังคับใช้อยู่ในขณะนี้ มีการตั้งงบประมาณรายจ่ายสำหรับองค์การสวนสัตว์เอาไว้ 829 ล้านบาท (829,944,900 บาท) ซึ่งนับว่าเป็นหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวนไม่น้อยทีเดียว
นอกจากนั้นยังมีเงินนอกงบประมาณ ซึ่งเป็นเงินรายได้ คาดว่าเป็นรายได้จากการให้บริการสวนสัตว์ทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2563 อยู่ที่ 325 ล้านบาท ปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 338 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีงบประมาณ
สำหรับภารกิจสำคัญขององค์การสวนสัตว์ที่หลายคนอาจจะไม่ทราบ แต่มีระบุไว้ในกฎหมายจัดตั้งองค์กรในงาน "เพาะพันธุ์สัตว์" ซึ่งมีการกำหนดนิยามไว้ในกฎหมายว่า ขยายพันธุ์สัตว์ที่นำมาเลี้ยงไว้โดยวิธีผสมพันธุ์สัตว์ และหมายความรวมถึงขยายพันธุ์สัตว์โดยวิธีผสมเทียม หรือการย้ายฝากตัวอ่อน หรือโดยวิธีการอื่นๆ ด้วย
ขณะที่ตัวชี้วัดสำหรับการขอรับงบประมาณในปี 2564 มีการระบุภารกิจขององค์การสวนสัตว์เอาไว้ว่า "อนุรักษ์และรวบรวมพันธุ์สัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์ โดยการเพาะขยายพันธุ์เพื่อป้องกันการสูญเสียทรัพยากรสัตว์ป่าที่สำคัญ และการฟื้นฟูเพื่อเพิ่มประชากรสัตว์ป่าในถิ่นอาศัยตามธรรมชาติ"
จากภารกิจขององค์การสวนสัตว์ในด้านเพาะพันธุ์และขยายพันธุ์สัตว์ป่าหายาก ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีผลประโยชน์จำนวนไม่น้อยซุกอยู่ใต้พรมในองค์การแห่งนี้หรือไม่ เพราะสัตว์ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์เป็นที่ต้องการของบรรดานักสะสมสัตว์ที่มีราคาสูงมาก
หากบริหารจัดการอย่างไม่โปร่งใส อาจทำให้เกิดช่องโหว่หรือรูรั่วจนสร้างความเสียหายให้กับองค์กรได้เหมือนกัน.