"กมธ.ปราบโกง" ใส่เกียร์เดินหน้าตรวจสอบ ชี้ คำวินิจฉัยศาลรธน.ไม่มีผลกระทบ
หลังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย การใช้คำสั่งเรียกของกมธ. และบทลงโทษผู้ไม่ให้ความร่วมมือ ว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กมธ.ปราบโกง สภาฯ ได้หารือและสรุปเดินหน้าทำงานเต็มที่ ไม่ด้อยประสิทธิภาพ
นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคพลังท้องถิ่นไท ฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าในการประชุมกมธ.ฯ วันนี้ (8 ตุลาคม) ได้หารือต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา พ.ศ.2554 จำนวน 3 มาตรา คือ มาตรา 5 ว่าด้วยอำนานจของกมธ.ออกคำสั่งเรียกเอกสารจากบุคคลหรือให้บุคคลแถลงข้อเท็จจริงหรือความเห็น, มาตรา 8 ขั้นตอนการออกคำสั่งเรียก และมาตรา 13 บทกำหนดโทษผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกของกมธ. มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 โดยที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า อำนาจของกมธ.ฯต่อการเชิญบุคคล หรือขอเอกสารตรวจสอบนั้นยังทำได้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 เพียงแต่การเชิญบุคคลหรือขอเอกสารนั้นไม่มีสภาพบังคับ ทำให้อาจไม่ได้รับความร่วมมือต่อการชี้แจงข้อเท็จจริงภายในกมธ.ฯ เพราะบทลงโทษตามที่เขียนไว้ในพ.ร.บ.คำสั่งเรียกไม่สามารถใช้บังคับได้ และกมธ.ฯเห็นร่วมกันว่า การทำงานของกมธ.ฯ ยังเดินหน้าตรวจสอบได้ต่อไปได้ทุกเรื่อง
“กมธ. ยังเดินหน้าตรวจสอบภาครัฐ หน่วยงานรัฐ การจัดซื้อจัดจ้างที่ปฏิบัติมิชอบได้ รวมถึงสอบจริยธรรม คุณธรรม ของบุคคลต่างๆ รวมถึง ส.ส.ได้ แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยให้ บทลงโทษในพ.ร.บ.คำสั่งเรียก ไม่มีผลใช้บังคับ แต่เชื่อว่าจะไม่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของกมธ. ลดลง อีกทั้งการตรวจสอบเรื่องต่างๆ หากหน่วยงานรัฐไม่มาชี้แจง เท่ากับว่าไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหาได้ กมธ.ฯจึงมีสิทธิส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบได้ หรือกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐไม่ใหัความร่วมมือ กมธ.มีสิทธิทำเรื่องถึงประธานสภาฯ แจ้งไปยังผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมได้” นายจารึก กล่าว