'สมยศ-เอกชัย' เข้าเรือนจำศาลไม่ให้ประกัน คดีปักหมุดคณะราษฎร-ประทุษร้ายราชินี

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  พนักงานสอบสวน  สน.ชนะสงคราม นำตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อายุ 59 ปี แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ผู้ต้องหา คดีมั่วสุม ตังแต่10 คนฯ และข้อหาทำผิด ป.อาญา ม.116 มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 17-28 ต.ค.นี้ กรณีเมื่อวันที่ 20 ก.ย.63 ผู้ต้องหา กับพวก  ได้ร่วมกัน ปักหมุดคณะราษฎร  บริเวณ ท้องสนามหลวง อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ข้อหา ร่วมกันมั่วสุม ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง  ร่วมจัดการชุมนุมฝ่าฝืนพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548  ในส่วนการชุมนุมที่เกี่ยวกับความมั่นคง และอื่นๆชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ทั้งนี้ ท้ายคำร้องพนักงายสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เกรงว่าผู้ต้องหากระทำผิดซ้ำ และหลบหนี ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ต่อมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ใช้ตำแหน่ง ส.ส. เป็นหลักทรัพย์ยื่นพร้อมคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายสมยศ

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา ประกอบคำคัดค้านของพนักงานสอบสวนแล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อความมั่นคงและสังคมส่วนรวม ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการขอปล่อยชั่วคราว กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว อาจจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น หรือไปมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกันอีก จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะได้ควบคุมตัวนายสมยศไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในชั้นฝากขังนี้ต่อไป

ขณะที่ ในกรณีของนายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง อายุ 21 ปี  ผู้ต้องหาคดีร่วมกันพยายามกระทำการประทุษร้ายต่อเสรีภาพพระราชินี พนักงานสอบสวนมายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกต่อศาลอาญา ต่อมามารดาของนายบุญเกื้อหนุน ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดนาย ขอประกันตัว

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน  เข้าพบพนักงานสอบสวนเองโดยไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ประกอบกับผู้ต้องหากำลังศึกษาเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ จึงมีเหตุสมควรให้ปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 2 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามมิให้ผู้ต้องหา ไปกระทำการใดในลักษณะเช่นนี้อีก มิฉะนั้นศาลจะพิจารณาเพิกถอนการประกันตัว

ส่วน  นายเอกชัย หงส์กังวาน แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน ปรากฎว่าไม่มีญาติของนายเอกชัย ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด  เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวนายเอกชัย และนายสมยศ ที่ศาลไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป