ป่าไม้เปิดหลักฐาน'แม่ธนาธร'รุกป่า2,450ไร่'วราวุธ'ยันไม่มี2มาตรฐาน
"รมว.ทส." ลั่น ไม่มีสองมาตรฐาน กรณี "กรมป่าไม้" แจ้งเอาผิด "แม่ธนาธร" รุกป่าสงวน 450 ไร่ ราชบุรี ตรวจพบ นส.3ก 55 แปลง กว่า 2,000 ไร่ ออกทับที่ป่าเตรียมเสนอกรมที่ดินเพิกถอน
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีกรมป่าไม้เข้าแจ้งความดำเนินคดี นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้ารุกป่าสงวนในพื้นที่ จ.ราชบุรี 450 ไร่ พร้อมเสนอเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ นส. 3 ก จำนวน 2,000 ไร่ว่า ในการทำงานของกระทรวงทรัพยากรฯ ว่า เราไม่ดูที่ว่าเป็นใครหรือฝ่ายใด เราดูแค่ว่าทรัพย์สมบัติของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นป่าสงวน หรือป่าอนุรักษ์นั้นได้มีการบุกรุกหรือไม่ และถ้ามีการบุกรุกขึ้นมา กระทรวงในฐานะที่เป็นเจ้าทุกข์ก็จะมีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทุกคดีที่มีการร้องเรียน กระทรวงทรัพยากรฯ จะดำเนินคดีจนถึงที่สุด เราไม่ได้ประวิงเวลาหรือเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายใดทั้งนั้น
เราดำเนินคดีตามกฎหมายและเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ไม่มีมี 2 มาตรฐานหรือเลือกที่รักมักที่ชังอย่างแน่นอน เราให้ความยุติธรรมและดำเนินคดีโดยไม่ได้ดูที่ตัวบุคคลรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.กรมป่าไม้ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวนบก.ปทส. ดำเนินคดีกับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ฐานบุกรุกครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนเเห่งชาติ ในพื้นที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 450 ไร่ นอกจากนี้กรมป่าไม้ยังตรวจสอบข้อมูลพบอีกว่า นอกจากพื้นที่บุกรุก ยังมีเเปลงที่ดิน นส.3ก อีกไม่น้อยกว่า 2,000 ไร่ ที่กรมป่าไม้ เตรียมเสนอกรมที่ดินเพิกถอน หลังพบหลักฐานการออกเอกสารสิทธิ์ให้โดยมิชอบด้วยกฏหมาย
นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ที่ปรึกษาชุดพยัคฆ์ไพร เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ซึ่งเป็นมารดาของนายธนาธร ประธานคณะก้าวหน้า
อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า การตรวจสอบเกิดขึ้นหลังจากมีประชาชนใน ต.รางบัว ที่จอมบึง ราชบุรี ต้องการประกาศป่าชุมชน เเต่ระหว่างดำเนินการ กลับพบกลุ่มทุนอ้างกรรมสิทธิ จึงร้องเรียนไปที่นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ซึ่งเป็น ส.ส. จึงส่งเรื่องมาที่กรมป่าไม้ ขอให้ตรวจสอบการครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนฯ ทุกเเปลง
ทั้งนี้ ผู้ครอบครองมอบอำนาจให้คนใกล้ชิด นำเอกสารสิทธิที่เกี่ยวข้อง มาเเสดง จำนวน 77 เเปลง ประกอบด้วยโฉนดที่ดิน 1 เเปลง นส.3 จำนวน 14 เเปลง นส.3ก จำนวน 55 เเปลง รวมเนื้อที่กว่า 3,000 ไร่
จากการอ่านเเปลภาพถ่ายทางอากาศ ของเจ้าหน้าที่ พบว่า ที่ดินทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนเเห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายเเม่น้ำภาชี เเละยังซ้อนทับกับเขตปฏิรูปที่ดิน เเละเขตป่าไม้ถาวรด้วย ในจำนวนกว่า 3,000 ไร่ มี 90 ไร่ เป็นการครองครองที่ ภบท.5 ซึ่งไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ 350 ไร่ เป็นเอกสารนส.2 ที่ตามประมวลกฏหมายที่ดิน ระบุไว้ชัดเจน ห้ามซื้อ-ขาย หรือเปลี่ยนมือผู้ครอบครอง
ผู้เชี่ยวชาญกรมป่าไม้ตรวจสอบพบว่าเอกสาร นส.3 ก ทั้ง 55 ฉบับ เนื้อที่รวมกัน2,020 ไร่ ทับเขตป่าถาวร จึงเป็นการออกเอกสารสิทธิ์ให้โดยมิชอบ
อธิบดีกรมป่าไม้ ระบุว่า จะเดินหน้า รวบรวมหลักฐานเอาผิดกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่บางนาย เบื้องต้น โดยพนักสอบสวน บก.ปทส. รับคำร้องเเละจะตั้งคณะทำงานเพื่อทำการสืบสวนสอบสวน
ส่วนกรณีของนางสาวปารีณา เเละนายทวี ไกรคุปต์ ซึ่งถูกกรมป่าไม้ดำเนินดคีฐานบุกรุกป่าเช่นเดียวกัน ตำรวจปทส. ยืนยันว่า จะมีความชัดเจน ในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่