'ม็อบราษฎร' พร้อมบวก ตั้งเงื่อนไขปลุกม็อบรอบใหม่
แกนนำอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ "สุกงอม" ตามที่ "อานนท์" เคยปราศรัยไว้ให้ตลอดปี 2564 เป็นการยกระดับชุมนุม "บวกเป็นบวก"
พลันที่ "เพนกวิน" พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำคณะราษฎร 2563 ออกมาประกาศข่าวจากวงทนายความ ว่ามีความพยายามจะนำตัวนักศึกษา-ประชาชนที่เคลื่อนไหวเรื่องปฏิรูปสถาบันฯ เข้าเรือนจำให้หมดภายในเดือน มี.ค.นี้
จากนั้นเพียงไม่นาน "อานนท์ นำภา" แกนนำกลุ่มราษฎรอีกรายออกมาประกาศ "เงื่อนไข" เริ่มต้นม็อบอย่างเป็นทางการ สถานที่ และเวลา หากตำรวจฝากขังนักศึกษาแล้วศาลไม่ให้ประกัน
กลายเป็น "สัญญาณแรก" จากแกนนำเตรียมฟื้นม็อบรอบใหม่ เล็งนัดหมายออกมาชุมนุมใหญ่ ตามยุทธศาสตร์ปี 2564 พร้อมลุยตลอดปี
ก่อนหน้านี้ แกนนำเครือข่ายกลุ่มราษฎร พยายาม เลี้ยงกระแสจัดกิจกรรม เคลื่อนไหว "เชิงลับ" ติดป้ายรณรงค์ยกเลิก กฏหมายอาญามาตรา 112 ตามสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ แยกอโศก สะพานพระปิ่นเกล้า ห้างไอคอนสยาม รวมไปถึงหัวเมืองต่างจังหวัดอาทิ จากเหมืองแร่วังสะพุง จ.เลย ห้างเซ็นทรัลพลาซาโคราช คู่ขนานไปกับการใช้ "สังคมออนไลน์" เคลื่อนไหวใต้ดินและบนดินระหว่างเว้นวรรคการชุมนุมข้ามปี
หากจับกระแสกดดันให้ยกเลิกประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 112 ที่มาจากฝั่งคณะราษฎรตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงเดียวที่แกนนำหลายคนมี "ชนักติดหลัง" ถูกหมายเรียกในมาตรา 112 และมาตรา 116 ต่างกรรมต่างวาระ
ระหว่างนี้ที่แกนนำคนสำคัญได้รับหมายเรียกจากตำรวจ ในคดีอาญา ตามมาตรา 112 และมาตรา 116 ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ก.พ. สภ.คลองหลวง ออกหมายเรียกกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "ราษฎร" จำนวน 14 คน ในข้อหาร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมในลักษณะมั่วสุมกันหรือดำเนินการใดๆ เป็นเหตุให้เกิดโรคระบาดออกไป หรือร่วมกันแสดงธงอันไม่สมควรต่อธงชาติในบริเวณสถานที่ราชการ
นอกจากนี้ วันที่ 20 ม.ค. เพนกวิน พริษฐ์ รุ้ง ปนัสยา ไมค์ ภาณุพงศ์ เบญจา อะปัญ และเยาวชนอีก 2 คน ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่สน.ปทุมวัน กรณีแต่งชุดครอปท็อปเดินศูนย์การค้าสยามพารากอน พร้อมพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2563
รวมทั้งการเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) เมื่อวันที่ 22 ม.ค. กรณี "พริษฐ์-ปนัสยา" โพสต์ข้อความทางสื่อออนไลน์ในลักษณะหมิ่นเหม่ พาดพิงสถาบัน โดยในคดีอาญา มาตรา 112 "พริษฐ์" ถูกแจ้งความไปแล้ว 17 คดี ส่วน "ปนัสยา" ถูกดำเนินคดีรวม 9 คดี ขณะที่ "อานนท์ นำภา" ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ไปแล้วรวม 8 คดี
จนมาถึงคดีที่ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาลงโทษจำคุก นางอัญชัญ ปรีเลิศ อดีตข้าราชการกรมสรรพากร จำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวม 29 กระทง ลงโทษจำคุก 29 ปี 174 เดือน ทำให้การตัดสินของศาลอาญาในครั้งนั้น ถูกนำมา "ปลุกการเคลื่อนไหว" วิจารณ์ผลคำตัดสินที่มีมาจากคดีมาตรา 112
ไม่ใช่แค่การรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 อย่างเดียว แต่แกนนำ "ปรับเนื้อหา" การประท้วงกดดันไปที่ระบบสวัสดิการประเทศไทย จากโครงการเยียวยาประชาชนที่มาจากภาครัฐ พุ่งเป้าไปที่การลงทะเบียนโครงการ "คนละครึ่ง" เฟส 3 เมื่อเช้าวันที่ 20 ม.ค. ที่ไม่ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดระบาดรอบใหม่ทั้งหมด
หากนับ "ม็อบ" ที่จัดขึ้นเฉพาะจากกลุ่มคณะราษฎร ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.2563 ที่ห้าแยกลาดพร้าวเป็นเวลามากกว่า 2 เดือน จะเห็นชัดได้ว่าเป็นการเว้นวรรคชุมนุมใหญ่ หลังจากแกนนำถูกคดีความรายล้อมรอบตัว ต้องวิ่งรอก สถานีตำรวจและศาลเพื่อรายงานตัวและรับทราบข้อกล่าวหา กระทั่งฝากขัง อันเป็นผลจากการเคลื่อนไหวตลอดปี 2563 ที่กำลังถูกไล่เช็คบิลอย่างต่อเนื่อง
แกนนำทั้งหมดย่อมรับรู้สถานการณ์ดีว่า ช่วงจัดม็อบปลายปี 2563 เป็นอย่างไร จำนวนผู้มาร่วมชุมนุมน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากสาเหตุที่เปลี่ยนเป้าจากรัฐบาลไปยังสถาบันฯ
มวลชนส่วนหนึ่งมีจุดยืนที่เห็นด้วยเฉพาะการกดดันรัฐบาลเท่านั้น ไม่ใช่เป้าหมายอื่นที่แกนนำประกาศกดดันในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานี้
สิ่งที่แกนนำประเมินสถานการณ์ว่า จากประเด็นความเหลื่อมล้ำ การช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาล รวมถึงภาพการถูกดำเนินคดีมาตรา 112 หรือ 116 กล่าวหาไปที่แกนนำ จะเป็น "ชนวน" ปลุกมวลชนให้เตรียมพร้อมกลับมาเคลื่อนไหว ในช่วงที่สถานการณ์โควิดในประเทศเริ่มดีขึ้น วิถีชีวิตประชาชนเริ่มกลับมาเป็นปกติ
โดยเฉพาะ "ชุดความคิด" จากการรณรงค์ยกเลิก ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังเป็น "เงื่อน" สำคัญต่อการนัดจัดชุมนุมใหญ่จากวิธีคิดจุดอ่อนเป็นจุดแข็ง โดยเดินคู่ขนานไปกับความเหลื่อมล้ำ การจัดหาวัคซีนโควิด หรือปรากฏการณ์ต่อต้านรัฐประหารในเมียนมา ซึ่งเป็นกระแสใหม่จะเป็น "โมเดล" ให้มวลชนใช้ต่อต้านกองทัพหากเกิดรัฐประหารในประเทศไทยอีกครั้ง
แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร กำลังประเมินสถานการณ์ เพื่อสร้างเงื่อนไขเพื่อหาจังหวะฟื้นม็อบบนถนนกลับมาอีกครั้ง ตามเป้าหมายที่ "อานนท์" เคยประกาศไว้ว่า ตลอดปี 2564 จะเป็นการยกระดับชุมนุม "บวกเป็นบวก"