ประท้วงวุ่น! ‘ก้าวไกล’ ชำแหละแผนจัดหาวัคซีนรัฐ โยง 'แอสตาฯ-สยามไบโอฯ’
ซักฟอกเดือด ! ‘ก้าวไกล’ ชำแหละแผนจัดหาวัคซีน โยง2บริษัท ‘นายกฯ-อนุทิน’ จับประชาชนเป็นตัวประกัน เจอประท้วงวุ่นหลังพาดพิง "แอสตาฯ-สยามไบโอฯ"
การอภิปรายไม่ไว้วางในเป็นวันที่2สมาชิกยังคงพุ่งเป่าไปที่การบริหารราชการที่ผิดพลาดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมรวมถึงรมว.ที่เกี่ยวข้อง
อาทิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล การบริหารวัคซีนโควิดที่ผิดพลาด เอาชีวิตประชาชนไปกระจุกกับวัคซีนเพียงเจ้าเดียว โดยไม่สนใจคำแนะนำของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถ ขาดความโปร่งใสและกลไกในการตรวจสอบ จนทำให้การฉีดวัคซีนเกิดความล่าช้า
เรื่องแบบนี้ทั้งพล.อ.ประยุทธ์และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุขรู้ดีว่าการฉีดวัคซีนช้าไป1เดือนประเทศเกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่า 8,300ล้านบาทกรณีที่เกิดขึ้นจึงเป็นความผิดพลาดของพล.อ.ประยุทธ์ในฐานะผู้อำนวยการศบค.และนายอนุทิน ซึ่งจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
ยังไม่รับรวมกับที่นายอนุทินเอาประชาชนไปล้อเล่น วันที่5ธ.ค.กลับบอกว่าโควิดเป็นโรคกระจอก การระบาดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะบ่อนการพนันที่จ.ระยองแทนที่รัฐบาลจะเร่งจัดการปัญหากลับบอกว่าไม่มีบ่อนจนการแพร่ระบาดลุกลามไปที่จ.จันทบุรี ชลบุรี และตราด
การระบาดระลอกใหม่ศูนย์วิจัยธนาคารกรไทยประเมินว่า จะส่งผลกระทบต่อประเทศทั้งการค้าและการท่องเที่ยวสูงถึง1.1-1.5ล้านบาท ขณะที่หนี้ครัวเรือนในปี 63 ประชาชนมีหนี้ต่อครัวเฉลี่ย4.8แสนบาท จากปี63ที่มีหนี้3.4แสนบาท ภายใน1ปีคนไทยมีหนี้เพิ่มขึ้น1.4แสนบาท ธนาคารโลกมีการประเมินว่าไทยมีคนยากจนเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านคน
พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงนายอนุทินจะอ้างว่าไม่ทราบถึงความสำคัญการจัดหาวัคซีนที่มีผลต่อเศรษฐกิจและปากท้องไม่ได้ เพราะก่อนหน้าหน้านี้นายอนุทินบอกเองว่าถ้าจัดหาวัคซีนได้โดยเร็ว จะช่วยให้ประเทศมีรายได้จาการท่องเที่ยว2.5แสนล้านบาท
เรื่องการจัดหาวัคซีนไม่ใช่เรื่องของการป้องกันโรคเท่านั้น แต่เป็นสิ่งสำคัญในการกอบกู้เศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน วันนี้ประชาชนยังรอคำตอบว่าประเทศไทยจะฉีดวัคซีนเข็มแรกเมื่อใด
ตนจึงขอตั้งคำถามว่า ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วเขาจะเข้ามาประเทศที่ยังไม่ฉีดได้อย่างไร และ และเมื่อไม่ฉีดวัคซีนจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวได้อย่างไร วันนี้ยังไม่มีอะไรยืนยันว่าการจัดหาวัคซีนจะเป็นตามแผน หรือจะฉีดวัคซีนได้เดือนละ 10 ล้านโดสตามที่นายอนุทินระบุ
ยิ่งไปกว่านั้นความเลวร้ายที่เกิดขึ้นคือการจัดหาวัคซีนจากโคแวดแต่ปัจจุบันไม่มีความคืบหน้า กว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการต้องใช้เวลากว่า 2 เดือนเศษ นอกจากนี้ประเทศยังเสียโอกาสการจากการที่รัฐบาลตัดสินใจไม่ร่วมโครงการโคแวกทั้งที่เป็นโครงการจัดหาวัคซีนระดับโลกที่มุ่งการจัดหาวัคซีนอย่างเท่าเทียม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศตลอดคะระยะเวลาการอภิปรายส.ส.ฝ่ายรัฐบาลได้สลับกันลุกขึ้นระยะ
โดยเฉพาะในช่วงท้ายบรรยากาศเป็นไปอย่างดุเดือดเมื่อนายวิโรจน์ มีการพาดพิงไปถึงการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างบริษัทแอสตาเซเนกาและ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ถึงความมั่นใจในการผลิตวัคซีน ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน
โดยนายวิโรจน์กล่าวว่า เรื่องที่ประชาชนคนไทย จะให้อภัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้โดยเด็ดขาด คือรู้ทั้งรู้ว่า บริษัทเอกชน ที่ชื่อว่า สยามไบโอไซเอนซ์ นั้นมีความเกี่ยวข้องกับสถาบัน แทนที่จะดำเนินการให้มีรอบคอบ ประณีต โปร่งใส จัดให้มีกระบวนการกำกับตรวจสอบอย่างเข้มข้น แต่กลับดำเนินการอย่างรวบรัด ขาดความโปร่งใส อำพรางข้อมูลสาธารณะ จนเกิดความล่าช้าในการจัดหาวัคซีน
นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ กลับปิดบังข้อมูลความผิดของตน ใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ฟ้องร้องปิดปากคนที่ตั้งคำถามพิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชน
ทำให้ส.ส.รัฐบาลอาทิ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ลุกขึ้นประท้วงประเด็นที่มีการพาดพิงบริษัทเอกหรือบริษัทภายนอกเกิดความเสียหาย
โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ในฐานะประธานที่ประชุมในขณะนั้นได้วินิจฉัยให้นายวิโรจน์ เอ่ยชื่อองค์กรได้แต่ต้องไม่เกิดความเสียหาย