ส่องปรากฏการณ์ กลุ่มดาวฤกษ์งดโหวต ‘ศักดิ์สยาม’-เทียบภูมิใจไทยงดโหวต ‘ประยุทธ์’
ควันหลงจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี และ 9 รัฐมนตรี และผลการโหวตลงมติ เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2564 ที่ผ่านมา มีประเด็นที่เป็นปัญหาความไม่พอใจระหว่างพรรคเกิดขึ้นตามมา…
เป็นความไม่พอใจ ระหว่าง พรรคภูมิใจไทย กับ พรรคพลังประชารัฐ เมื่อผลการลงมติในส่วนของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้คะแนนไว้วางใจเพียง 268 เสียง ไม่ไว้วางใจ 201 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง จากจำนวนเสียงของฝ่ายรัฐบาลที่มีอยู่ทั้งหมด 275 เสียง
ในเวลาต่อมา น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แกนนำกลุ่มดาวฤกษ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงว่าการที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกลุ่มดาวฤกษ์ ใช้สิทธิงดออกเสียงในการลงคะแนน ญัตติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลกับรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ด้วยเหตุผลว่า ตลอดการอภิปราย และการชี้แจง 4 วัน (16-19 ก.พ.) ที่ผ่านมา ไม่พบคำชี้แจงที่ชัดเจนเพียงพอ ในการตอบคำอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน และทำให้สังคมตั้งข้อกังขา ข้อสงสัยในสองประเด็นหลักที่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน คือ เรื่องการเปลี่ยน เงื่อนไข (tor) และการล้มการประมูล โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และข้ออภิปรายเรื่องการไม่ปกป้องหรือเรียกคืนที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในพื้นที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ทั้งสองประเด็นที่ยังไม่ได้รับคำตอบอย่างชัดเจน เป็นสองประเด็นที่สองรัฐวิสาหกิจในการกำกับดูแลของ รมว.คมนาคม โดยตรง คือ รฟท.และ รฟม.
น.ส.วทันยา ระบุว่า ส.ส.ในกลุ่มดาวฤกษ์ ได้พยายามอย่างที่สุดในการปฏิบัติตามมติพรรค ด้วยการไม่ลงคะแนนไม่ไว้วางใจ อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องปฏิบัติตามจิตวิญญาณความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยการงดอออกเสียง ส่วนผลที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากการลงมติครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านใด ส.ส.ในกลุ่มทั้งหมด พร้อมน้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยถือว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชนอย่างดีที่สุดแล้ว
สำหรับ ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ มี 6 คน ประกอบด้วย 1. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2. นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.เขตหนองจอก 3. นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.เขตคลองเตย-วัฒนา 4. น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.เขตราชเทวี-พญาไท-จตุจักร 5. น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง และ 6. น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.เขตดุสิต-บางซื่อ
หลังจากนั้นก็มีรายงานข่าวออกมาว่า แกนนำพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้ประชุมหารือกันเป็นการเร่งด่วน เพราะไม่พอใจที่คะแนนไว้วางใจของ นายศักดิ์สยาม ได้น้อยมาก โดยเฉพาะในส่วนการลงคะแนนของส.ส.พลังประชารัฐ ซึ่งแกนนำภูมิใจไทยมองว่า ส.ส.พรรคภูมิใจไทยโหวตให้ รมต.ของพรรคพลังประชารัฐ แต่พลังประชารัฐกลับคุมส.ส.ของตัวเองไม่ได้ และมีการยกคำว่า “มารยาททางการเมือง” ขึ้นมาพูดถึง โดยทางพรรคภูมิใจไทย จะแสดงท่าที่ไปยังพรรคพลังประชารัฐ ให้มีการตักเตือนส.ส.ของพรรคตัวเอง
ล่าสุด ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ต่างพากันออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวโจมตี "กลุ่มดาวฤกษ์" โดย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ ร่ายกลอน ว่า…
“หลงตนว่ามีแสง อยากสำแดงแสงของตน
หวังฉายในสกล เพราะเพียงตนหลงลำพอง
ความจริงหนะหิวแสง อยากจะแผลงฤทธิ์ทดลอง
จุดตนจนหมดกล่อง ยังเป็นรองแสงตะวัน
อย่าคิดว่าส่องแสง เพราะความแรงยังแพ้จันทร์
ฤกษ์-ไถที่สำคัญ ฉายานั้น ใช่ตั้งเอง
นาคีจึ่งมีพิษ มดตัวนิดอย่าทำเก่ง
แสงดับย่อมวังเวง ทำตนเองอย่าโทษใคร”
โดย นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี โพสว่า “ดวงดาวก็ยังมีวันร่วงหล่นขออยู่เป็นตัวแทนประชาชนไม่มุ่งเน้นเอาตัวเป็นใหญ่หวังเอาประโยชน์ตน”
ส่วน นายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล โพสว่า “ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเล็งอย่าโวยนะ พี่ดาว(เคาะ) #ลูกพี่ใครใครก็รัก” และ นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง โพสต์ในทำนองเดียวกัน พร้อมข้อความ “ฝากไว้ก่อนนะ เดี๋ยวรู้เรื่อง”
จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับผลการโหวต “ไม่ไว้วางใจ” ในปี 2564 นี้ ทำให้หวนนึกถึง เมื่อครั้งมีการโหวตแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมร่วมระหว่างส.ส. และสมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2562 โดยตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “นายกฯ”
มีสมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมประชุม 747 คน ผลการโหวตลงมติ ปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้คะแนน 500 เสียง เกินกึ่งหนึ่งจากสมาชิกทั้ง 2 สภา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเลือกเป็นนายกฯ โดยในส่วนของ พรรคภูมิใจไทย ส.ส.จำนวน 51 เสียง ต่างเทเสียงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งหมด มีเพียง นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ กลับ “งดออกเสียง” อันเป็นการ “สวนทาง” กับมติของพรรคภูมิใจไทย ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯปฏิกิริยาของแกนนำภูมิใจไทย ในวันที่ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ งดออกเสียงให้ พล.อ.ประยุทธ์
ภายหลังการลงคะแนนในวันดังกล่าว ได้เห็นภาพ นายสิริพงศ์ ถึงกับหลั่งน้ำตากลางห้องประชุม ซึ่งก็ทำให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน และถึงกับสะอึกไปเลย
นายสิริพงศ์ ออกมาเปิดใจถึงเหตุที่ “งดออกเสียง” ในการโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ว่า ได้ขอโทษผู้ใหญ่ในพรรค และชี้แจงว่า เพราะตนได้รับปากกับประชาชนในพื้นที่ว่าจะเลือก นายอนุทิน ชาญวีรกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯ เพียงคนเดียว ผิดจากนี้เป็นใครตนก็เลือกไม่ได้
ดังนั้น เมื่อสัญญาแล้วก็ต้องทำตามสัญญา ซึ่งพรรคก็ได้ให้คำแนะนำหลายอย่าง อย่างไรก็ตาม ทางออกของแต่ละคนนั้นมีแตกต่างกัน สำหรับตนหาทางออกอื่นไม่ได้นอกจากทำตามสัญญาที่พูดเอาไว้ ตนเคารพประชาชนและตัวเอง จึงได้งดออกเสียง ผู้สื่อข่าวถามว่าได้พูดกับผู้ใหญ่อย่างไรบ้าง
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า จริงๆ พรรคมีความพยายามหาทางออกให้กับประเทศ เราพยายามอย่างจริงจังที่จะเป็นขั้วที่สามให้ได้ แต่เมื่อมันไม่เกิด ความเห็นก็แตกต่างหลากหลาย ผู้ใหญ่จึงให้เหตุผลว่า การจะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ คือการทำนโยบายให้เป็นความจริงขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน ซึ่งทุกพรรคก็ให้คำมั่นสัญญาแบบนี้กับประชาชน และต้องรักษาให้ได้เช่นเดียวกัน
ส่วนการทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นายสิริพงศ์ ตอบว่า ไม่เกี่ยวกัน และเชื่อว่าไม่มีปัญหา เพราะสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ได้เกิดจากความรักหรือความเกลียดในตัวท่าน แต่ทำเพราะตนได้สัญญากับประชาชนไว้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ที่ต้องทำตามหน้าที่ อันไหนถูกตนก็ทำ เพราะเป็นคนรักษาคำพูดก็เท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ขณะที่การทำงานภายในพรรคหลังจากนี้ก็คงคิดหนัก แต่เมื่อทำไปแล้วสิ่งที่ทำได้อย่างเดียวคือการยืดอก และรอรับผลที่จะเกิดขึ้น เมื่อถามว่า รู้สึกอึดอัดกับการทำหน้าที่กับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะตนรักพรรคภูมิใจไทย แต่ตนรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่มีความขัดแย้งกันในสังคมไทยมากกว่า ยืนยันว่ายังอยู่กับพรรค ไม่มีความคิดที่จะย้ายไปไหน สำหรับกรณีที่อาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็น “งูเห่า” ของพรรคนั้น นายสิริพงศ์ ตอบว่า แล้วแต่คนจะคิด แต่เรารู้อยู่ว่าทำเพราะอะไร ทำเพื่ออะไร และทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะตนไม่มีความจำเป็นต้องไปรับเงินใคร
ภายหลัง นายสิริพงศ์ แหกมติพรรค ทางแกนนำภูมิใจไทย ก็ทำท่าทีขึงขังตั้งคณะกรรมการในการปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของพรรค ขึ้นมาสอบเพื่อจะเอาผิดกับ นายสิริพงศ์ กรณีโหวตสวนมติพรรคในการเลือกนายกฯ โดยเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2562 นายศักดิ์สยาม ออกแถลงข่าวเอง พูดถึงการตั้งคณะกรรมการในการปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของพรรค เพื่อดำเนินการสอบสวน นายสิริพงศ์ เป็นอำนาจของคณะกรรมการสอบสวนที่จะพิจารณาเรื่องบทลงโทษ หากมีความผิดจะมีโทษตั้งแต่ ว่ากล่าว ตักเตือน ภาคทัณฑ์ และขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์จะทราบความชัดเจนเกี่ยวกับผลการสอบสวน
แต่หลังจากนั้น ก็ไม่รู้ว่า พรรคภูมิใจไทย มีการลงโทษอะไรกับ นายสิรพงศ์ หรือไม่?...
รู้แต่ว่า ปัจจุบัน นายสิริพงศ์ ก็ยังอยู่ดีมีสุขกับ พรรคภูมิใจไทย แถม “ตบรางวัล” มีตำแหน่งเป็น ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
จากกรณีของ นายสิริพงศ์ ไปดู กรณีของ 2 พี่น้องตระกูล “ปริศนานันทกุล” ที่สร้างวีรกรรมโหวตสวนมติ “วิปรัฐบาล”
โดยเมื่อวันที่ 27 ก.พ.263 ในการลงมติขอปิดอภิปรายในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งฝ่ายค้านได้ประท้วงด้วยการเดินออกจากห้องประชุม และไม่ได้ร่วมลงมติในครั้งนั้น ทำให้ผลการลงมติให้ปิดอภิปรายมีจำนวน 251 คน ไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง เสียงที่ไม่ลงคะแนน คือ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล และ นายภราดร ปริศนานันทกุล จากพรรคภูมิใจไทย อันเป็นการไม่ทำตามมติวิปรัฐบาล
มีรายงานว่า หลังการลงมติดังกล่าว พรรคภูมิใจไทย ได้ตักเตือน ส.ส. ที่ฝืนมติวิปรัฐบาลให้ปฏิบัติตาม แต่การลงมติถือเป็นเอกสิทธิ์ ส.ส.
จากเหตุการณ์ ส.ส.ภูมิใจไทย “งดออกเสียง” ในการโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็นนายกฯ และ 2 ส.ส.ภูมิใจไทย ตระกูล “ปริศนานันทกุล” ฝ่าฝืนมติวิปรัฐบาล ในศึกซักฟอก ปี 2563
จนมาถึงกรณีของ “กลุ่มดาวฤกษ์” และอีก 1 ส.ส.ของพลังประชารัฐ ที่ “งดออกเสียง” ให้กับ นายศักดิ์สยาม ในศึกซักฟอก 2564 ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน!!...