เช็ก 4 กลุ่มเป้าหมาย กทม.นำร่องฉีดวัคซีนป้องกัน 'โควิด' 6.6 หมื่นโดส
"อัศวิน" ตรวจแผนฉีดวัคซีน "โควิด" ในโรงพยาบาล กทม.-เอกชน วางเป้า 4 กลุ่มนำร่อง 6.6 หมื่นโดส พร้อมเปิดไลน์ "หมอพร้อม" ใช้ติดตามอาการ
วันที่ 25 ก.พ. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) นำคณะผู้บริหาร และผู้เกี่ยวข้อง เยี่ยมชมการสาธิตการให้วัคซีน ที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน เขตบางขุนเทียน ซึ่งเป็นการสาธิตการให้วัคซีน โดย กทม.เชิญผู้แทนโรงพยาบาลสังกัดและโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ 6 เขตที่ให้บริการวัคซีนโควิด-19 ในระยะแรก รวม 16 โรงพยาบาล เข้าร่วมชมการสาธิตเพื่อเตรียมความพร้อมด้านสถานที่และบุคลากรให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ได้แก่
1.เขตจอมทอง ประกอบด้วย โรงพยาบาลบางขุนเทียน 1 โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล และโรงพยาบาลบางมด
2.เขตบางขุนเทียน ประกอบด้วย โรงพยาบาล พีเอ็มจี โรงพยาบาลนครธน และโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน
3.เขตบางแค ประกอบด้วย โรงพยาบาลเกษมราษฎร์บางแค โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และโรงพยาบาลบุญญาเวช
4.เขตบางบอน ประกอบด้วย โรงพยาบาลบางปะกอก 8 และโรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ
5.เขตภาษีเจริญ ประกอบด้วย โรงพยาบาลบางไผ่ โรงพยาบาลมิตรประชา (เพชรเกษม 2) และโรงพยาบาลพญาไท 3
6.เขตหนองแขม ประกอบด้วย โรงพยาบาลวิชัยเวชอินเตอร์เนชั่นแนลหนองแขม และโรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินธโร อุทิศ
สำหรับวัคซีนโควิด-19 ที่ กทม.จะได้รับจากรัฐบาลในระยะแรก มีจำนวน 66,000 โดสเข็ม ซึ่งจะสามารถให้ประชาชนได้จำนวน 33,000 คน เนื่องจากต้องให้วัคซีนคนละ 2 โดสหรือ 2 เข็ม ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนโควิด-19 ระยะแรก จากมีวัคซีนจำนวนจำกัด ได้แก่
กลุ่มที่ 1 บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวนจำนวน 6,200 คน กำหนดให้วัคซีนในสัปดาห์แรก เพื่อเฝ้าสังเกตอาการหากมีอาการไม่พึงประสงค์จะสามารถให้การดูแลได้ทันที
กลุ่มที่ 2 เป็นการฉีดวัคซีนต่อมาในสัปดาห์ที่ 2 ได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุข กทม. (อสส.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ด้านการพยาบาลพอสมควร ซึ่งหากเกิดอาการไม่พึงประสงค์จะสามารถดูแลตนเองได้ในระดับหนึ่ง จำนวน 800 คน
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคเสี่ยง 1.โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง 2.โรคหัวใจและหลอดเลือด 3.โรคหลอดเลือดสมอง 4.โรคไตเรื้อรัง 5.โรคมะเร็งทุกชนิด ที่อยู่ระหว่างเคมีบำบัด รังสีบำบัดและภูมิคุ้มกันบำบัด 6.โรคเบาหวาน 7.โรคอ้วน ที่มีอายุ 18-59 ปี จำนวน 23,500 คน
กลุ่มที่ 4 กลุ่มสุดท้าย เป็นประชาชนทั่วไปและแรงงาน อายุ 18-59 ปี จำนวน 2,500 คน โดยมีโรงพยาบาลที่ร่วมให้บริการฉีดวัคซีน จำนวน 15 แห่ง ประกอบด้วยโรงพยาบาลสังกัด กทม. 3 แห่ง และโรงพยาบาลเอกชน 12 แห่ง
ทั้งนี้ ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนทุกคนต้องวัดไข้ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกคน จากนั้นจะเข้าสู่ 8 ขั้นตอนเข้ารับการฉีดวัคซีน COVID-19 ประกอบด้วย
ขั้นตอนที่ 1 เป็นการลงทะเบียน (ทำบัตร) เพื่อยืนยันตัวตน
ขั้นตอนที่ 2 ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต
ขั้นตอนที่ 3 คัดกรอง ซักประวัติ และลงนามใบยินยอมการรับวัคซีน
ขั้นตอนที่ 4 รอฉีดวัคซีน
ขั้นตอนที่ 5 เข้ารับการฉีดวัคซีน
ขั้นตอนที่ 6 จะให้ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนทุกรายนั่งพักรอสังเกตอาการจนครบ 30 นาที โดยได้จัดให้มีพื้นที่ปฐมพยาบาล แพทย์ พยาบาล และอุปกรณ์ช่วยชีวิตสำหรับการดูแลผู้ที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดวัคซีน โดยจะมีการแนะนำวิธีการใช้ Line Official Account “หมอพร้อม” เพื่อติดตามอาการหลังการฉีดวัคซีน 1 วัน 7 วัน 30 วัน และรับการแจ้งเตือนเพื่อฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 รวมถึงผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 ครบทั้ง 2 เข็ม จะได้รับใบยืนยันการฉีดวัคซีน COVID-19 ทาง Line Official Account “หมอพร้อม” ด้วย
ขั้นตอนที่ 7 จุดตรวจสอบก่อนกลับบ้าน เจ้าหน้าที่จะสอบถามอาการ ให้คำแนะนำ และออกใบนัดการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2
ขั้นตอนที่ 8 จะมีการแสดงผล Dash Board จาก Line Official Account “หมอพร้อม” แสดงการประเมินผลความครอบคลุมทุกกระบวนการการบริการ การติดตามอาการไม่พึงประสงค์ของวัคซีนที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในความปลอดภัย และประสิทธิภาพของวัคซีนที่ได้รับ
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความหวังในการควบคุมการแพร่ระบาด ที่สามารถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน เพื่อป้องกันการเกิดอาการ ลดความรุนแรงของโรค รวมถึงลดอัตราตายได้ จากการศึกษาพบว่าเมื่อประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรง ถือเป็นแนวทางป้องกันที่ดีแนวทางหนึ่ง ขณะนี้ประเทศไทยได้รับการส่งมอบวัคซีนเพื่อดำเนินการฉีดให้แก่ประชาชนแล้ว และจะทยอยได้รับการส่งมอบเป็นระยะๆ ต่อไป
"ในกรุงเทพฯ ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับมีพื้นที่เสี่ยงจำนวน 6 เขต การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับวัคซีน จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีความจำเป็น ทำให้ต้องมีการซักซ้อมความเข้าใจ รวมถึงการสาธิตการบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ซึ่งเป็น 1 ใน 2 โรงพยาบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีนระยะที่ 1 ในวันนี้ ให้ใช้เป็นแนวทางในการจัดบริการฉีดวัคซีนในสถานพยาบาลแห่งอื่นๆ ได้ต่อไป"ผู้ว่าฯกทม. ระบุ
ด้านนพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กล่าวถึงความพร้อมของโรงพยาบาลในสังกัด กทม. ว่า บุคลากรของกทม.มีประสบการณ์ในการฉีดวัคซีน แต่สิ่งที่ประชาชนต้องเตรียมพร้อมลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิฉีดวัคซีน และลงเวลานัดหมาย เลือกโรงพยาบาลที่สะดวก เพื่อประหยัดเวลาในการรอคอย แต่หากไม่ได้ลงทะเบียนล่วงหน้า กทม.ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ไว้คอยอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนในระบบ "หมอพร้อม" และทำการนัดหมายให้ในการฉีดวัคซีนเข็มแรกและเข็มที่สองควรไปฉีดที่โรงพยาบาลเดียวกัน
"เมื่อถึงวันนัดหมายฉีดวัคซีนให้เตรียมร่างกายให้พร้อม รับประทานอาหารและดื่มน้ำตามปกติ มาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลานัดหมาย หากมีไข้สามารถโทรศัพท์มาเลื่อนนัดได้"กล่าว