การเมือง
"รัฐสภา" ถกยาว9ชั่วโมง ก่อนเคาะ ทางออก "ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ" วาระสาม

สมาชิกรัฐสภา 43 คน ถกทางออก ต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญรวมเวลา 9 ชั่วโมง ก่อน "ประธานรัฐสภา" วินิจฉัยให้ลงมติตามญัตติที่มีผู้เสนอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการปรึกษาหารือของสมาชิกรัฐสภา ต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในช่วงท้าย ส.ว. ได้แสดงความเห็นต่อรัฐสภาเพื่อให้ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. อภิปรายเสนอความเห็นต่อที่ประชุมรัฐสภา ว่า มีความเห็นของนายบวร ศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ, นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และนายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นว่าการลงประชามติหลังจากรัฐสภาผ่านการลงมติร่างรัฐธรรมนูญวาระสามได้ โดยจัดทำคำถามเป็น 2 คำถามต่อความเห็นสมควรแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และแนบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาผ่านพิจารณาด้วย อย่างไรก็ดีในการลงมติของตนนั้น ต้องคำนึงถึงคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญ ที่วางหลักทฤษฎีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ โดยไม่สามารถดำเนินตาม 3 นักวิชาการที่ให้ความเห็นได้
ขณะที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว. แสดงความเห็นด้วยว่ารัฐสภาควรปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ต่อกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องนำไปให้ประชาชนออกเสียงประชามติก่อน
และในการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาคนสุดท้าย คือ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่าต้องทำให้เกิดความชัดเจน คือ 1.ประเด็นการจัดทำรัฐธรรมนูญเพิ่มหมวดจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย ส.ส.ร. ถือเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม ไม่ใช่ทำทั้งฉบับหรือไม่, 2. การลงมติวาระสาม ที่นำไปสู่การทำประชามติตามรัฐธรรมนูญ 256(8) ถือว่าเป็นการให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติตามคำวินิจฉัยหรือไม่ 3.การทำประชามติหลังผ่านวาระสามแล้ว หากไม่เป็นไปตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กำหนดให้ทำประชามติได้เพียง 2 กรณี ดังนั้นต้องปฏิบัติอย่างไร และ 4. การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ไม่ได้วินิจฉัยให้ร่างแก้ไขตกไปทั้งฉบับ เพราะวินิจฉัยเพียงหมวดการเพิ่มหมวดใหม่เท่านั้น จึงเป็นประเด็นให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์เสนอญัตติ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานและแนวทางของการแก้รัฐธรรมนูญ
“เพื่อให้เกิดความชัดเจน รัฐสภาควรดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพิ่มเติมว่าด้วยหน้าที่และอำนาจของ รัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 ทั้งนี้หากญัตติที่พวกผมเสนอเห็นด้วยขอให้ร่วมยกร่างญัตติที่เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากการเห็นพ้องจะทำให้การปฏิรูปประเทศเกิดขึ้นและลดความขัดแย้ง" นายชินวรณ์ อภิปราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมรัฐสภาได้ใช้เวลาหารือถึงประเด็นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เกือบ 9 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 09.45 น. จนถึงเวลา 18.30 น. รวมมีผู้อภิปราย 43 คน ก่อนที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้วินิจฉัยให้ที่ประชุมได้ลงมติตามญัตติที่มีผู้เสนอ.