'ประยุทธ์' แจงครม.ปลอดภัย หลังฉีดวัคซีนป้องกัน 'โควิด'
นายกรัฐมนตรี เผย ครม.ปลอดภัยดี หลังฉีดวัคซีนป้องกันโควิด แย้มเตรียมเปิดประเทศเต็มรูปแบบ กับประเทศที่ปฏิบัติตาม "องค์การอนามัยโลก" ขอบคุณสหรัฐฯ ส่งคืนวัตถุโบราณล้ำค่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านรายการ พีเอ็ม พอดแคสต์ (PM Podcast) ว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตนและคณะรัฐมนตรีได้มีการฉีดวัคซีน ป้องกัน covid-19 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทุกคนปลอดภัย และยังไม่มีอาการไม่พึงประสงค์แต่อย่างใด โดยตนขอให้ทุกคนสบายใจได้ ส่วนการแพร่ระบาดของเชื้อที่มาจากคลัสเตอร์ตลาดบางแค และที่สถานกักกันของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงสาธารณสุขและทีมแพทย์ได้เข้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เลยขอให้เชื่อมั่นว่าทุกอย่างสามารถควบคุมได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังระบุว่าจะมีการส่งคืนโบราณวัตถุจากต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี ของประเทศไทย ที่จะได้โบราณวัตถุ 2 ชิ้นคืนมา ประกอบด้วย ทับหลังปราสาทหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จังหวัดสระแก้ว ที่จัดแสดงอยู่ที่ Asian Art Museum นครซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยขณะนี้อยู่ในกระบวนการส่งคืนให้กับประเทศไทยของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะส่งมอบคืนให้ยังประเทศไทยในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยจะจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกรุงเทพมหานคร
ขณะเดียวกันยังได้รับการแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกาต้องการส่งคืนโบราณวัตถุอีก 13 รายการ ทั้งพระพุทธรูปและรูปเคารพต่างๆ โดยจะส่งคืนพร้อมกับทับหลังทั้ง 2 ชิ้น พร้อมกับจะดำเนินการประสานส่งคืนโบราณวัตถุอีก 32 รายการ เช่น ชิ้นส่วนประติมากรรมหิน และประติมากรรมสำริด ซึ่งถือเป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันและความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาโดยเป็นการส่งมอบคืนตั้งแต่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่งในปี 2557 จำนวน 10 ครั้งรวมทั้งสิ้น 759 ชิ้น
ส่วนการปรับปรุงการทำงานสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะตนเข้ามารับตำแหน่งตนได้ตั้งสำนักงานป.ย.ป.ขึ้นมาเพื่อทำงานเรื่องการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างการปรองดอง ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ Doing Business ของธนาคารโลก หลายปีที่ผ่านมาไทยได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 21 ของโลก ซึ่งดีกว่าประเทศเยอรมนี แคนาดา ญี่ปุ่น จีนและสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ในการเข้าถึงบริการของรัฐบาล ไม่มีการลดใช้สำเนาเอกสาร ลดเวลาการให้บริการต่างๆ รวมไปถึงทุกคนกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการให้บริการประชาชน
ส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพเข้าถึงบริการภาครัฐ มีการพัฒนา Biz Portal ในการออกหนังสืออนุญาตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ จากนี้ยังยกระดับการให้บริการประชาชนผ่านทาง Citizen Portal ที่จะพร้อมให้บริการในเดือนพฤษภาคมนี้ การการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในการติดต่อราชการ รัฐบาลได้ทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ในการอนุมัติอนุญาตของทางราชการ เช่นใบขออนุญาตนำสัตว์ออกนอกราชอาณาจักร ใบอนุญาตค้าของเก่า
ขณะที่การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของราชการ รัฐบาลได้จัดโครงการ My Better Country Hackathon เพื่อรับฟังความคิดเห็นของเยาวชนคนรุ่นใหม่ และแนวทางการพัฒนาประเทศ ส่วนด้านกำลังพลของภาครัฐ มีการเร่งปรับลดขนาดให้เกิดความเหมาะสม เพื่อลดภาระงบประมาณในระยะยาว มีการตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายลงเหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ของรายจ่ายประจำปี ผลักดันกฎหมายด้านจริยธรรมของข้าราชการ โดยกำหนดบทลงโทษที่รุนแรง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำผิดตั้งแต่แรก
ส่วนทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2564 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ภายใต้การกระตุ้น การบริโภคและการท่องเที่ยว ผ่านบัตรโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ โครงการม 33 เรารักกัน และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งรัฐบาลจะขยายทุกโครงการให้ต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการวางแผน เชื่อมโยงระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่นกันเชื่อมต่อกับอนาคตขนส่ง ระบบสาธารณูปโภค และพลังงาน โดยจะเร่งรัดให้เป็นไปตามแผน และติตามอย่างใกล้ชิด เลยขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลนี้จะส่งเสริมการลงทุน ใน 4 อุตสาหกรรมใหม่ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์และสุขภาพ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมดิจิทัล
ขณะเดียวกันจะมีการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเบื้องต้นจะปรับปรุงใน 3 เรื่องประกอบด้วย การตรวจคนเข้าเมืองทั้งเรื่องวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้ง่าย การจัดการข้อตกลงการค้าเสรี หรือ FTA เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุน ส่วนปัจจัยการบริหารด้านสังคม ขณะนี้มีโครงการที่เป็นรูปประธรรมแล้วหลายเรื่อง เช่นบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย การเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการรักษา (บัตรทอง) การจัดสรรที่ดินทำกินเกษตรกร การคืนโฉนดให้ผู้ยากไร้ เพิ่มเบี้ยคนพิการ 800 บาท เป็น 1,000 บาท การปราบปรามหนี้นอกระบบ และขณะนี้เองได้มีการพักหนี้ครัวเรือน จนปัจจุบันลูกหนี้กว่าร้อยละ 70 กลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ โดยขณะนี้รัฐบาลเร่งเพิ่มสภาพคล่องโดยการปรับโครงสร้างหนี้ และเพิ่ม 2 มาตรการช่วยเหลือ คือ แก้ไข พ.ร.บ.ซอฟโลน และ โครงการโกดังแก้หนี้
ส่วนเรื่องการบริหารจัดการ วัคซีนป้องกันโควิด - 19 และการเปิดประเทศ ได้มีการเริ่มฉีดวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งในระยะยาวรัฐบาลได้เลือกวัคซีนที่เหมาะสมกับคนไทย และจะมีการวิจัยพัฒนา ผลิตในประเทศต่อไป ขณะที่มาตรการการเปิดประเทศ ตั้งแต่ต้นปีศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. ได้ เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวใช้เวลากักตัวที่สนามกอล์ฟ หรือกักตัวบนเรือยอร์ช ที่จังหวัดภูเก็ต โดยอนุญาตให้ผู้มีผลการตรวจโควิด -19 เป็นลบ โดยในระยะต่อไปจะมีการให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากักตัวในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ คาดว่าจะเริ่มได้ ในช่วงไตรมาศก์ 2 ของปีนี้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีแนวโน้ม จะเปิดประเทศเต็มรูปแบบ กับประเทศที่ปฏิบัติตามกฎขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATAS ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินการกระจายวัคซีน และสถานการณ์ทั่วโลก เพื่อกำหนดแนวทาง การเปิดประเทศ และอุตสาหกรรมการบิน ดูรายละเอียดโดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่าสามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของรัฐบาลไทย
สำหรับการแก้ไขปัญหาของชาวบางกลอย นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ตนเองติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยล่าสุดได้ลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 67 / 2564 เรื่อง กรรมการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่ที่ทำกิน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านบางกลอย เพื่อรวบรวมปัญหาตรวจสอบข้อเท็จจริง และสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคดีปกครอง คดีอาญาและคดีแพ่ง อย่างเหมาะสม ซึ่งปัญหานี้ปัญหาหลักคือไม่มีที่อยู่ที่ทำกิน จึงต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ชาวบางกลอยมีที่อยู่ที่ทำกินสามารถเลี้ยงดูตนเอง และครอบครัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ลงไปสำรวจปัญหา ขุดบ่อบาดาลเพื่อให้มีน้ำใช้ และศึกษาระบบน้ำเพื่อการเกษตร โดยคาดว่าอีกไม่กี่เดือนจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำทางการเกษตรได้ ส่วนการตรวจสอบสิทธิที่ดินก็ต้องพิสูจน์กันไปทางภาพถ่ายการถือครอง ซึ่งสัปดาห์นี้ได้มีตัวแทนของรัฐบาล ลงพื้นที่ไปพบปะชาวบางกลอย เพื่อหวังว่าจะแก้ไขปัญหากันไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในช่วงท้ายว่าให้ประชาชนติดตามข่าวสาร จากรัฐบาล จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้และจากมติที่เป็นทางการแล้วเท่านั้น เพื่อป้องกันข้อมูลที่คลาดเคลื่อน หรือส่งต่อกันออกไปเพื่อสร้างความเข้าใจที่ผิด จนมีผู้ไม่หวังดีนำไปบิดเบือน