ราชกิจจาฯ เผยแพร่กฎกระทรวงฯ จัด 6 กลุ่ม สถาบันอุดมศึกษา

ราชกิจจาฯ เผยแพร่กฎกระทรวงฯ จัด 6 กลุ่ม สถาบันอุดมศึกษา

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวงฯ จัด 6 กลุ่ม สถาบันอุดมศึกษา พัฒนาตามยุทธศาสตร์กลุ่ม สู่ความเป็นเลิศระดับสากล

เมื่อวันที่ 25 มี.ค.64 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ กฎกระทรวงการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2564 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 วรรคหนึ่ง และมาตรา 24 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. 2562 สาระสำคัญของกฎกระทรวง อาทิ

ข้อ 2 ในการประกาศกำหนดให้จัดสถาบันอุดมศึกษาทั้งหมดหรือบางส่วนออกเป็นกลุ่ม ให้รัฐมนตรีคำนึงถึงจุดมุ่งหมาย พันธกิจ ยุทธศาสตร์ ศักยภาพ และผลการดำเนินการที่ผ่านมาของสถาบันอุดมศึกษาประกอบด้วยการประกาศให้สถาบันอุดมศึกษาใดทั้งสถาบันอยู่ในกลุ่มใดตามวรรคหนึ่ง ให้คำนึงถึงศักยภาพและความพร้อมของคณะวิชาทั้งหมดที่มีอยู่ในสถาบันอุดมศึกษานั้น ในกรณีที่คณะวิชาส่วนใหญ่ไม่มีศักยภาพและความพร้อมที่จะอยู่ในกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาซึ่งจะประกาศนั้น รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการอุดมศึกษาอาจดำเนินการตามข้อ 5 ก่อนได้ และเมื่อคณะวิชาส่วนใหญ่มีศักยภาพและความพร้อมที่จะอยู่ในกลุ่มสถาบันอุดมศึกษานั้น รัฐมนตรีอาจประกาศให้สถาบันอุดมศึกษานั้น ทั้งสถาบันอยู่ในกลุ่มนั้นได้ และให้ประกาศจัดกลุ่มส่วนราชการหรือกลุ่มส่วนงานภายในของสถาบันอุดมศึกษานั้นตามข้อ 5 สิ้นผลลง

ข้อ 3 ให้จัดสถาบันอุดมศึกษาเป็นกลุ่ม ดังต่อไปนี้

  1. กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก
  2. กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม
  3. กลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่น
  4. กลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนา
  5. กลุ่มผลิตและพัฒนาบุคลากรวิชาชีพและสาขาจำเพาะ
  6. กลุ่มอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

ให้ไว้ ณ วันที่ 22 มีนาคม 2564 เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 24 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. 2562 บัญญัติให้การจัดสถาบันอุดมศึกษาเป็นกลุ่มและ การกำหนดมาตรการส่งเสริม สนับสนุน ประเมินคุณภาพ กำกับดูแล และจัดสรรงบประมาณ ให้สอดคล้องกับการจัดกลุ่มดังกล่าว เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง เพื่อให้การพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษาและการผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทาง ตามความต้องการของประเทศ รวมทั้งการพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้