'อดุลย์' นำทีม 'ไทยไม่ทนฯ' จี้ประชาธิปัตย์ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล
"อดุลย์" พร้อมแกนนำ "ไทยไม่ทนฯ" บุกพรรคประชาธิปัตย์ จี้เร่งถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล "ประยุทธ์" เปิดทางหาผู้นำคนใหม่
วันที่ 24 พ.ค. นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’ 35 พร้อมแนวร่วมผู้กลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นางพะเยาว์ อัคฮาด นายวีระ สมความคิด เดินทางมาที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อยื่นหนังสือถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ถอนตัวจากการเป็นรัฐบาล โดยในหนังสือมีเนื้อหาระบุว่า
สืบเนื่องจากสถานการณ์บ้านเมือง ภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สืบทอดอำนาจมาถึง 7 ปี แม้จะอ้างว่า ในช่วง 2 ปีหลังเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่วิญญูชนย่อมรู้ดีว่า นับแต่รัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์และเครือข่ายก็วางโรดแมปเพื่อสืบทอดอำนาจนับแต่นั้นเป็นต้นมา จนสามารถสถาปนา “ระบอบประยุทธ์” ที่สร้างความทุกข์ยากแสนสาหัสให้กับผู้คนในประเทศ ความเลวร้ายของระบอบประยุทธ์ไม่สามารถสาธยายได้หมด
แต่ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ประชาชนกำลังเผชิญไม่ว่าจะเป็นวิกฤติโควิด-19 ที่ประชาชนเสียชีวิตเป็นใบไม้ร่วงทุกวันๆ ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในระดับครัวเรือนและมหภาค การทุจริตคอรัปชั่นที่นำอำนาจผลประโยชน์ไปหล่อเลี้ยงความสามานย์ของระบอบประยุทธ์การเติบโตขยายอำนาจของรัฐระบบราชการ ที่ไม่เห็นหัวประชาชน ด้อยค่า ลดทอนอำนาจฝ่ายการเมืองที่เป็นตัวแทนประชาชนลงทุกขณะ ที่สำคัญคือ การแอบอ้างสถาบันแสวงหาประโยชน์ แบ่งแยกประชาชน จนสถาบันเกิดความมัวหมอง
เวลานี้ประชาชนที่ไม่ยอมจำนนและไม่ทนกับความชั่วร้ายของระบอบประยุทธ์ กำลังเคลื่อนไหวเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้ประเทศได้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เป็นคนดีมีความรู้ความสามารถนำพาประเทศให้หลุดพ้นปากเหวแห่งหายนะ เสียงเรียกร้องและความเคลื่อนไหวนี้ค่อยๆ พัฒนา ยกระดับขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ และคนในเครือข่ายระบอบประยุทธ์ก็พยายามโต้กลับ กำราบปราบปรามทุกวิถีทางและมีแนวโน้มว่าถึงที่สุดก็จะใช้ความรุนแรงปราบปราม เข่นฆ่าประชาชน ซึ่งนั่นหมายความว่า ประเทศก็จะยิ่งวิกฤติและเป็นบาดแผลครั้งใหญ่มากกว่าเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ด้วยความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดอยู่คู่กับประเทศมาถึง 75 ปี ย่อมมองเห็นแนวโน้มของวิกฤตภายใต้ระบอบประยุทธ์ ไม่ต่างไปจากความเคลื่อนไหวเรียกร้องของภาคประชาชน สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ดำรงอยู่ได้ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า เพราะมีประชาชนให้การสนับสนุน วาทะที่นายชวน หลีกภัย แกนนำคนสำคัญของพรรค กล่าวอยู่เสมอว่า “เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา” หรือ “ถึงที่สุดแล้วประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน” นั้น สะท้อนให้เห็นถึงจิตสำนึกประชาธิปไตยที่มองประชาชนเป็นใหญ่ ซึ่งเหล่านี้คือบทบาทของพรรคที่นับได้ว่ามีส่วนและคุณูปการช่วยธำรงรักษาระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภามาไม่น้อย
ดังนั้นเมื่อระบอบประยุทธ์ คือ ภัยคุกคามของ ระบอบประชาธิปไตย ภัยคุกคามต่อสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของประชาชน ภัยคุกคามความเจริญก้าวหน้าในทุกมิติของประเทศที่จะต้องส่งมอบต่ออนาคตให้คนรุ่นลูกหลานได้ดำรงอยู่ จึงขอให้พรรคประชาธิปัตย์ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อเปิดทางเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันหาผู้นำประเทศคนใหม่ตามวิถีทางประชาธิปไตยต่อไป ขอพรรคประชาธิปัตย์ก้าวมาอยู่เคียงข้างประชาชน หยุดความชั่วร้ายสามานย์ของระบอบประยุทธ์