'จอห์น วิญญู' เมิน 2 ข้อหาหมิ่นฯ 'นายกฯ' วิจารณ์ "นะจ๊ะ" และบริหารงานปี 64
'จอห์น วิญญู' เข้ารับทราบข้อกล่าวหา 2 คดีหมิ่นประมาท จากทวิตเตอร์วิจารณ์นายกฯ 2 ข้อความ “นะจ๊ะ” ปี 63 และวิจารณ์การบริหารประเทศ ปี 64 พร้อมตั้งข้อสังเกต รัฐบาลจัดทีมสอดส่องเสียงวิจารณ์ประชาชน ถือเป็นความผิดปกติของประเทศไทย
28 พ.ค. 2564 เวลา 11.00 น. นายวิญญู วงศ์สุรวัฒน์ หรือ “จอห์น วิญญู” @jonnwinyu พิธีกรรายการชื่อดัง พร้อมทนายความ เดินทางไปยังสถานีตำรวจนครบาล(สน.)นางเลิ้ง เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาท พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวภายหลังพา "จอห์น วิญญู" เข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่า จากการตรวจสอบกับพนักงานสอบสวน เป็นคดีที่นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการตรวจสอบและดำเนินคดีแก่ผู้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี หรือ คตส. มาแจ้งความดำเนินคดีกับนายวิญญู 2 คดี
โดยคดีแรก เมื่อเดือนธันวาคม 2563 นายวิญญู ทวิตเตอร์วิจารณ์ พลเอกประยุทธ์ โดยมีคำว่า “นะจ๊ะ” คดีนี้ถูกแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
คดีที่สอง เมื่อเดือนเมษายน 2564 ทวิตเตอร์วิจารณ์กรณีการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ว่า “กระแดะอยากยึดอำนาจมา แล้วบริหารประเทศไม่ได้” คดีนี้แจ้งข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน เนื่องจากทำให้นายกฯ ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ นายวิญญู ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เพราะเป็นสื่อมวลชน และเป็นประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการทำงานของรัฐบาล ซึ่งยึดอำนาจมาจริง ยืนยันว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริง และจะนำพยานหลักฐานมาสืบประเด็นนี้อีกครั้งในชั้นพนักงานสอบสวน ว่า พลเอกประยุทธ์ ยึดอำนาจมา และมีกรณีที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีการหาผลประโยชน์จากรัฐบาล สิ่งที่เราพูดไปเป็นการตั้งข้อสงสัยอย่างที่ประชาชนทั่วไปสามารถทำได้
ด้านตำรวจ สน.นางเลิ้ง ได้พา “จอห์น วิญญู” เข้าดำเนินการพิมพ์มือและสอบคำให้การไว้ พร้อมนัดมาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ในวันที่ 27 มิถุนายน 2564
ด้านนายวิญญู กล่าวว่า ยืนยันว่าจะทำรายการเหมือนเดิม และใช้โซเชียลเหมือนเดิมตามปกติ พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่า เป็นเรื่องผิดปกติที่เหมือนมีการตั้งทีมมาสอดส่องว่าใครพูดไม่ดีเกี่ยวกับนายกฯและดำเนินคดี การที่ประชาชน สื่อมวลชน ที่วิพากษ์วิจารณ์ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ซึ่งทุกคนต้องศึกษาไว้ว่า นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศ
ส่วนคำว่า “นะจ๊ะ” ตนยังแสดงความเห็นเหมือนเดิมว่า ไม่เหมาะสมที่จะออกจากปากคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะในสถานการณ์ระบาดโควิด-19 สภาพเศรษฐกิจ และปัญหาการเมืองที่ไม่นิ่ง ความปรองดอง ความสามัคคีไม่เกิดขึ้น ตนเชื่อว่าคนที่เห็นความผิดปกติเหล่านี้ คงจะต้องออกมาพูดกันต่อไปเรื่อยๆ