เพราะรัฐ 'บกพร่อง' การ 'Call out' จึงเกิดขึ้น
ท่ามกลางปัญหาสารพัดที่รุมเร้าประเทศไทยในช่วงวิกฤติโควิด การบริหารจัดการของรัฐบาลกลับทำให้ทุกอย่างดู "ขาดแคลน" ไปหมด รวมถึงเตียงไม่พอ บุคลากรไม่มี และวัคซีนหายาก สังคมจึงได้เห็นการ "Call out" เกิดขึ้น
วิกฤติโควิดที่ลากยาวและรุนแรงมาเกือบ 2 ปี ทำให้โลกและผู้คนตื่นตัวในเรื่องความคิดความอ่านที่เปลี่ยนไป พฤติกรรมก็เปลี่ยนไปด้วยจากการใช้ชีวิตที่ถูกบีบให้ไม่เหมือนเดิม ทุกประเทศทั่วโลกล้วนประสบปัญหาหนักหน่วง ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละ มีเพียง “วัคซีน” ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาอย่างเร่งด่วนเป็น “ทางรอด” เดียว และ “คน” คือหนูทดลองตัวสำคัญสำหรับวัคซีนหลากหลายชนิดที่ถูกคิดค้นขึ้นมาในสถานการณ์ที่คับขัน แต่ละประเทศต่างคัดกรองวัคซีนที่ได้รับการยอมรับ และมีประสิทธิภาพเพียงพอนำมาฉีดให้กับประชาชนยับยั้งการติดเชื้อเพิ่ม ทุเลาอาการหนักให้เห็นเบา
หลายประเทศมีวิธีคิด วิธีบริหาร จัดการสถานการณ์ท่ามกลางวิกฤติที่แตกต่างกัน หลายประเทศเริ่มฟื้นตัวเปิดประเทศ กลับมาดำเนินชีวิตแทบเป็นปกติ ท่ามกลางการติดเชื้อที่ยังคงอยู่ หลายประเทศจำนวนผู้ติดเชื้อยังสูง แต่ก็มีวิธีบริหารจัดการให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโควิดได้อย่างมีชั้นเชิง ขณะที่อีกหลายประเทศยังอยู่ในภาวะวิกฤติขั้นสูงสุดหาทางออกไม่เจอ
หนึ่งในนั้น คือ ประเทศไทย ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา ดูมีปัญหาไปทุกระบบทุกขั้นตอน ทุกอย่างดู “ขาดแคลน” ไปหมด ระบบสาธารณสุขล่ม เตียงไม่พอ บุคลากรไม่มี แพทย์พยาบาลด่านหน้ากลายเป็นผู้ติดเชื้อ วัคซีนหายากเพราะการบริหารจัดการนำเข้าสั่งซื้อที่ดูผิดฝาผิดตัวไปมาก วัคซีนที่มีอยู่หรือที่ประกาศบอกว่ากำลังจะมาเพิ่ม ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า เราจะมีวัคซีนเพียงพอฉีดกันจริงไหม
รัฐบาลจะปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อในประเทศเหยียบหลักหมื่น มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากมายทุกวันแบบนี้ไม่ได้ ภาพผู้เสียชีวิตนอนรอความตายอยู่ริมถนน เป็นภาพที่ไม่ควรเกิดขึ้น นับเป็นความบกพร่องที่ร้ายแรง รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องจัดการแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน
เพราะความบกพร่องของรัฐซ้ำ ๆ การ Call out จึงเกิดขึ้น ประชาชนต้องออกมาแสดงจุดยืน ตะโกนเรียกร้อง ถึงทิศทางประเทศนับจากนี้ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่ยืนอยู่บนขอบเขตประชาธิปไตย มีสิทธิเรียกร้องถามหาความจริง หรือแม้แต่การร้องหาวัคซีนดี ๆ ที่มีประสิทธิภาพมาช่วยปลดล็อกวิกฤติ รัฐควรต้องรับฟัง และต้องรับฟังทุกกลุ่ม
การหารือร่วมภาคเอกชนบิ๊กซีอีโอทั่วฟ้าเมืองไทยครั้งล่าสุด มีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์มากมาย รัฐต้องเร่งนำไปปฏิบัติสานต่อ ทำให้เกิดเป็นรูปธรรม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐดึงเอกชนเข้าไปร่วม
ดังนั้น เราอยากเห็นผลจากการหารือครั้งนี้ถูกนำไปเป็นส่วนสำคัญในการแก้วิกฤติชาติ เราเชื่อว่าเอกชนเอง ก็พร้อมทุ่มทรัพยากรทั้งหมดที่มีช่วยแก้ปัญหาของชาติครั้งนี้อย่างเต็มที่เช่นกัน กฎระเบียบ ขั้นตอนแบบราชการ ไม่มีประโยชน์ที่จะนำมาใช้ในสถานการณ์แบบนี้ เราต้องการความรวดเร็ว ฉับพลัน ทันที รัฐอย่าปล่อยให้สถานการณ์เลยเถิด เพราะไม่เช่นนั้น การ Call out จากคนอีกหลาย ๆ กลุ่ม ไม่ใช่แค่เฉพาะคนดัง หรือดารา คงดังขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง