เหลื่อมล้ำ? 'ย้อนรอย' อภิสิทธิ์วัคซีนบุรีรัมย์! จากVIPถึงตร.ฉีดเข็ม3ก่อนแพทย์
...สังคมกังขาตำรวจบุรีรัมย์ สภ.บ้านใหม่ ได้ฉีด "แอสตร้าเซนเนก้า" เข็ม 3 ภาค 3 ออกหนังสือชี้แจง สสจ.เป็นผู้จัดสรร ผู้ว่าฯ เผยกำลังตั้งกรรมการสอบ ขณะที่สสจ.แจง ตร.ได้ฉีดเพราะบริการด่านหน้า
กรณีนายธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อ้างถึงเฟซบุ๊ก สถานีตำรวจภูธรบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ โพสต์เนื้อหาระบุว่าได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ไปแล้ว ก่อนที่จะลบโพสต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 3 ซึ่งคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดในระยะแรกให้ฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ก่อนให้กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง ผู้สูงวัยและล่าสุดให้กับหญิงตั้งครรภ์ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง ในลำดับถัดไป
ประเด็นคำถามก็คือทำไมตำรวจสภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จึงได้รับการฉีดวัคซีนซึ่งเป็นบูสเตอร์ ก่อนบุคลากรทางการแพทย์ฯ ซึ่งยังฉีดได้ไม่ครบถ้วน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภาค 3) ระบุว่า การฉีด "แอสตร้าเซนเนก้า" เข็มที่ 3 ของตำรวจสภ.บ้านใหม่ญ ได้รับการอนุเคราะห์จาก สสจ. เนื่องจาก สสจ.บุรีรัมย์ เป็นหน่วยงานประสานรับมาจากกระทรวงสาธารณสุข ก่อนปันส่วนมาให้เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ด่านหน้ารับผู้ป่วยโควิดจากกรุงเทพฯ กลับมารักษาในภูมิลำเนา อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ ผกก.ชี้แจงด่วน เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด
พล.ต.ท.ภานุรัตน์ กล่าวว่า ในการบริหารจัดการสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของแต่ละพื้นที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีอำนาจในการประสานขอรับการจัดสรรวัคซีน แต่เป็นอำนาจของ สสจ.ในคณะกรรมการโรคติดต่อของแต่ละจังหวัดนั้นๆ
ขณะเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ทุกโรงพัก จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น พาหนะ และชุด PPE ไว้รองรับผู้ป่วยโควิด-19 จากกรุงเทพฯ ที่ต้องการเดินทางกลับไปรักษาตัวในจังหวัดภูมิลำเนาตัวเอง ในกรณีสถานการณ์โรคโควิด-19 แพร่ระบาดรุนแรง จนเตียงภาคสนาม หรือรถตู้ของระบบสาธารณสุขไม่เพียงพอ ก็จะได้ใช้รถตู้ รถห้องขังของโรงพัก เสริมกำลังขับไปรับ – ส่งตามนโยบายของรัฐบาล
"สภ.บ้านใหม่ได้เตรียมการให้ตำรวจ 11 นาย ซึ่งอยู่ระหว่างการอบรมจากบุคลากรทางการแพทย์ ในขั้นตอนการปฏิบัติงานที่จะสามารถป้องกันไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานทั้ง 11 รายรับเชื้อโควิด-19 การทำหน้าที่เป็นด่านหน้าของตำรวจ 11 นาย มีความสุ่มเสี่ยง จึงจัดสรรให้ได้รับการฉีดวัคซีน"
ผู้ว่าฯบุรีรัมย์เผยตั้ง กก.สอบแล้ว
นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ได้มีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว เพื่อพิจารณาความชัดเจนว่าเป็นการขัดคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีมติให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเท่านั้น หรือไม่
สสจ.บุรีรัมย์ ชี้แจงฉีดทำตามนโยบาย
เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ชี้แจงว่า จากการที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิดมากขึ้น รัฐบาลจมีนโยบายในการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์และบริการด่านหน้า เพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้มีศักยภาพในการป้องกันการแพร่ ระบาดของโรคมากขึ้น ตามมติคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ประกอบกับ มีข้อสั่งการของกระทรวง สาธารณสุข เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2564 ที่ให้มีการฉีดวัคซีนกระตุ้น เข็มที่ 3 แก่บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข
จึงเป็นเหตุให้สํานักงาน สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์และโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง จัดเตรียมวัคซีน จํานวน 7,964 โดส เพื่อฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่ง สสจ.ระบุรวมถึงผู้ให้บริการด้านหน้า และได้ดําเนินการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า กระตุ้นเข็มที่ 3 ให้กับ บุคลากรทางการแพทย์และบริการด้านหน้าแล้ว จํานวน 3,533 คน เพื่อเป็น การสร้างขวัญกําลังใจและความปลอดภัยแก่บุคลากรการแพทย์และบุคลากรด่านหน้าตามนโยบายดังกล่าว
ทั้งนี้ มีการชี้แจงเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากตำรวจบางส่วน ยังมีทหารที่ ทำงานด่านหน้าได้รับวัคซีนเช่นกัน
สำหรับจังหวัดบุรีรัมย์ ที่อยู่ตามทะเบียนราษฎร์ ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข รวมถึงเป็นบ้านเกิดของนายเนวิน ชิดชอบ ถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตการได้รับจัดสรรวัคซีนเป็นอันดับต้นมาก้อหน้า ล่าสุดอยู่ในระดับที่สูงเทียบเท่าจังหวัดท่องเที่ยว และสูงกว่าพื้นที่อื่นๆของประเทศ กล่าวคือยอดและอัตราการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 17%
ขณะที่ยอดฉีดวัคซีนประเทศไทย ณ วันที่ 24 ก.ค.2564 ยอดรวมทั้งสิ้น 15,741,818 โดส
ผ่านิยามผู้ให้บริการด่านหน้า
มติคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2564 มีข้อสั่งการของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2564 ที่ให้มีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 แก่บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข
ขณะที่หนังสือชี้แจงของ สสจ.บุรีรัมย์ ได้ระบุถึงการจัดวัคซีนให้บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข รวมไปถึง “ผู้ให้บริการด่านหน้า” ดังนี้
“...สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์และโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง จัดเตรียมวัคซีนจำนวน 7,964 โดส เพื่อฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ให้บริการด่านหน้า และได้ดำเนินการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า กระตุ้นเข็มที่ 3 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และบริการด่านหน้าแล้ว จำนวน 3,533 คน เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจและความปลอดภัยแก่บุคลากรการแพทย์ และบุคลากรด่านหน้า ตามนโยบาย...”
ซึ่ง “ผู้ให้บริการด่านหน้า” ในหนังสือดังกล่าว ไม่ได้มีการระบุอย่างชัดเจนว่า เฉพาะในส่วนของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล หรือรวมถึงอาชีพอื่นๆ ที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องให้บริการด่านหน้า เจ้าหน้าที่กู้ภัย อาสาสมัครกู้ภัย เป็นต้น