15 ปีจาก ‘ทักษิณ’ สู่ ‘โทนี่’ ปรับเกม 'กลับบ้านเท่ๆ'
“ถ้าผมกลับมาบ้าน ต้องกลับมาอย่างเท่ๆ แล้วจะบอกว่า จะกลับมาแบบไหน ถึงจะเรียกว่าเท่” ทักษิณ หรือ โทนี่ เคยระบุไว้
ครบรอบวันคล้ายวันเกิดของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ของไทย ในวัย 72 ไปเมื่อ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่มาพร้อมความเปลี่ยนแปลงของ “ทักษิณ” ในช่วงวัยนี้ นอกจากจะมีเวลามากขึ้น มีหลานเพิ่มขึ้น ก็ยังจะมีอีกชื่อที่ผู้คนคุ้นเคยในเวลาอันรวดเร็ว คือ “โทนี่ วู้ดซัม”
ช่วงหลังมานี้ ชื่อของ “โทนี่” อาจเข้าหูคนไทยมากกว่าชื่อ “ทักษิณ” นับเป็นกลยุทธ์เจาะกลุ่มเป้าหมายในโซเชียลมีเดียอย่างเห็นผล การออกมาพูดผ่านคลับเฮาส์ หรือช่องทางของกลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย แต่ละครั้งสร้างกระแสให้ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง จึงน่าสนใจถึงกลยุทธ์การเดินเกมของ “ทักษิณ” ในวันนั้น กับ “โทนี่” ในวันนี้
หากย้อนกลับไปหลังรัฐประหาร 19 ก.ย.49 เป็นต้นมาที่มีการยึดอำนาจรัฐบาล ตอนนั้นนายกฯที่ชื่อ “ทักษิณ” เต็มไปด้วยอารมณ์เคียดแค้นศัตรูทางการเมือง จึงพยายามจะเอาชนะด้วยการเลือกตั้งผ่านพรรคการเมืองที่ถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบการต่อสู้สำคัญของทักษิณ นับว่าบรรลุเป้าหมายระดับหนึ่ง ตั้งแต่พรรคพลังประชาชนจนมาเป็นเพื่อไทย แต่ยังไม่ถือว่าสำเร็จสมบูรณ์เพราะเขายังกลับประเทศไทยไม่ได้
รวมถึงฐานมวลชนคนเสื้อแดงที่ศรัทธาในตัวทักษิณ นับเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญนอกสภาในการขับเคลื่อนทางการเมือง โดยเฉพาะการออกมาขับไล่รัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ทักษิณใช้ยุทธการ “โลกล้อมไทย” มีการจ้างล็อบบี้ยิสต์เดินเกมตามที่ต้องการ มีการใช้สายสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศต่างๆ กดดันรัฐบาลในขณะนั้นสารพัด
ด้วยบุคลิกของทักษิณที่คิดเร็ว ทำเร็ว อาจเป็นปัจจัยเร่งให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ที่ยิ่งสร้างเงื่อนไขให้กลุ่ม กปปส. ที่ออกมาขับไล่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรจนนำมาสู่การรัฐประหาร 22 พ.ค.57 ตั้งแต่นั้นชื่อของทักษิณก็ดูจะหายไปจากการเมืองไทยพักใหญ่
จนเมื่อพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนโครงสร้างการนำใหม่ กลุ่มคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ลาออกจากพรรค ทำให้กลุ่มของภูมิธรรม เวชยชัย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช กลับเข้ามามีบทบาทอีกครั้ง ภารกิจลำดับแรกๆ คือจัดการรีแบรนด์นายใหญ่ จาก “ทักษิณ” เป็น “โทนี่”
ประจวบเหมาะกับที่รัฐบาลกำลังเพลี่ยงพล้ำจาก “โควิด” การออกมาให้ทรรศนะแต่ละครั้งของ“โทนี่” ผ่านโซเชียลฯ สร้างแรงกระเพื่อมให้รัฐบาลอย่างเห็นได้
ครั้งหนึ่งช่วงปลาย เม.ย.64 ที่ผ่านมา “โทนี่” ออกตัว อาสาคุยกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน เพื่อดีลเรื่องวัคซีน แต่ 2 วันถัดมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าได้สั่งกระทรวงต่างประเทศเจรจารัสเซียโดยตรง เรื่องวัคซีนสปุตนิควี แบบรัฐต่อรัฐ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ไม่เห็นวี่แววความชัดเจนใดๆ
ส่วนการออกมาระบุเรื่องกลับประเทศ ทักษิณใช้วิธีนี้ออดอ้อนแฟนคลับคนเสื้อแดงผ่านการโฟนอินให้ช่วยพาตัวเองกลับบ้านมาตั้งแต่ กลุ่ม นปช. ออกมาขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์แล้ว
ครั้งหนึ่ง “ทักษิณ” โฟนอินเข้ามาที่งานพบปะสังสรรค์คนเสื้อแดงภาคอีสาน 20 จังหวัด ที่สุรินทร์ ช่วงปี 55 ว่า “ถ้าผมกลับมาบ้าน ต้องกลับมาอย่างเท่ๆ แล้วจะบอกว่า จะกลับมาแบบไหน ถึงจะเรียกว่าเท่”
จนเมื่อมาเป็น “โทนี่” ก็ออกมาพูดย้ำอีกครั้งว่า ยืนยันกลับแน่ สุวรรณภูมิประตูหน้า อาจเป็นเพราะเขาเชื่อว่า มีคนจำนวนไม่น้อยโหยหา อยากให้กลับกลับมา ในช่วงที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนพูด
การปรับกลยุทธ์เคลื่อนไหวผ่านโซเชียลใช้การสื่อสารในทำนองชี้แนะวิธีการแก้ปัญหาให้รัฐบาล เปรียบเทียบให้เห็นความต่างในวิธีคิด ทุกอย่างที่ถูกส่งผ่านออกมา ล้วนมีผลในเชิงจิตวิทยา สร้างความหวังให้กับแฟนคลับ และยังมีผลไปถึงกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาล ตอกย้ำซ้ำแผลเก่า ทำให้เห็นว่ามีสิ่งที่ดีกว่า ก็คล้ายเป็นอีกตัวเร่งสถานการณ์ขับไล่รัฐบาลให้สุกงอม
การเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ” หรือ “โทนี่” ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ลดความมุทะลุลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด การโฟนอินเวทีคนเสื้อแดง ที่จำนวนไม่น้อยเป็นกลุ่มคนรายได้น้อยหรือระดับรากหญ้า หลายครั้งเต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ แต่วันนี้ การสื่อสารผ่านโซเชียล ที่ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ กลับเป็นอีกมุม และแทบจะไม่เห็นมวลชนกองหนุนของอดีตนายกฯ คนนี้ออกหน้าเคลื่อนไหวจริงจังแบบเดิมอีกแล้ว
ท่ามกลางการจับตาการเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่อง เพื่อปูทางสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป มีแนวโน้มที่พรรคการเมืองในเครือข่ายจะทำผลงานได้อย่างคาดไม่ถึง ถึงขั้นแลนด์สไลด์ ซึ่งสมัยไทยรักไทย เคยทำให้เห็นมาแล้ว
หรือนั่นคือความหมายของคำว่าเท่ๆ ที่โทนี่เคยพูดหรือไม่ คือชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ใช้เสียงประชาชน สร้างความชอบธรรม เพื่อเดินไปตามเป้าหมายที่ไม่เคยเปลี่ยน คือการได้กลับบ้านเกิดอย่างสมใจ