ทีม 'โควิด' เชิงรุก กทม.ตั้งเป้าลุยตรวจ 536 ชุมชน แล้วเสร็จกลางเดือน ส.ค.
"อัศวิน" นั่งหัวโต๊ะประชุมหัวหน้าหน่วยงาน เผยทีม CCRt "โควิด" เชิงรุก ตั้งเป้าลุยตรวจ 536 ชุมชนแล้วเสร็จกลางเดือน ส.ค.
วันที่ 5 ส.ค. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงาน กทม. ครั้งที่ 8/2564 โดยมีคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล (Teleconference)
ทั้งนี้ ในที่ประชุม สำนักอนามัยรายงานภาพรวมผลการดำเนินงานเชิงรุกของทีม CCRT เพื่อค้นหาผู้ป่วยโควิด-19 ในชุมชน รวมทั้งให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันแก่ประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และให้คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่จะทำการแยกกักตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation โดยในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ในชุมชนที่มีการจัดตั้ง แต่ภายใน 2 สัปดาห์แรกของเดือน ส.ค. ทีม CCRT จะลงพื้นที่ชุมชนที่ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้ง จำนวน 536 แห่ง
ขณะที่แนวทางการนำผู้ป่วยโควิด-19 ที่ตรวจโดยชุดตรวจ Antigen test kit (ATK) เข้าสู่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อนั้น ขณะนี้สำนักอนามัยได้ปรับเกณฑ์การนำผู้ป่วยเข้าสู่ศูนย์พักคอย ตามที่กรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขกำหนดเกี่ยวกับแนวทางการดูแลผู้ที่มีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK แต่หากตรวจจากชุด ATK พบการติดเชื้อ ผู้ป่วยสามารถรับยาและรับการรักษาแบบแยกกักตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation ได้ทันที แต่หากไม่สามารถแยกกักตัวที่บ้านได้ และจำเป็นต้องเข้าศูนย์พักคอยฯ จะได้รับการตรวจด้วยวิธี RT-PCR โดยแยกพื้นที่ให้อยู่แยกออกจากผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีผลตรวจแล้ว
นอกจากนี้ สำนักงานเขตได้รายงานวนที่ประชุมถึงการดำเนินการสายด่วนโควิด 50 เขต ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเสริมการให้บริการของสายด่วน สปสช. 1330 ในการรับแจ้งข้อมูลผู้ป่วยโควิด-19 ภายหลังเปิดให้บริการพบว่ามีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
จากนั้น พล.ต.อ.อัศวนได้สั่งการให้ 50 สำนักงานเขต ดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้ดูแลเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานด่านหน้าทุกคนให้มีความปลอดภัยจากการทำงาน และไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ปฏิบัติงาน อาทิ เจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง ให้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้ครบทุกคน เนื่องจากถือว่าเป็นบุคลากรด่านหน้า ในส่วนอุปกรณ์ป้องกันตนเอง ได้แก่หน้ากากอนามัย เจลล้างมือแอลกอฮอล์ หรือชุด PPE ขอให้สำนักงานเขตดำเนินการจัดซื้อโดยใช้งบประมาณจากกองทุนประกันสุขภาพของเขต ซึ่งอุปกรณ์ที่จะทำการจัดซื้อต้องมีมาตรฐาน คุ้มค่า และเหมาะสมกับการปฏิบัติงานในพื้นที่จริง