'สตช.' สั่งสอบ 'คฝ.' ยิงกระสุนยางใส่ผู้ขับขี่จยย.ระยะประชิด
"บช.น." จัดกำลัง คุมม็อบเย็นนี้ เผย ชุมนุมดินแดง วานนี้ มือดีปาไปป์บอมบ์ ใส่ตำรวจ สถานที่ราชการ จับผู้ต้องหา 13 คน จ่อออกหมายเรียกกว่า 100 หมาย "สตช." ตั้งกก. สอบ คฝ. ยิงกระสุนยางระยะประชิด แย้ม ผู้ต้องสงสัยยิงเด็ก14 ผอม สูง
22 ส.ค. 64 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึง การเตรียมการรับมือการชุมนุมในวันนี้ของกลุ่มทะลุฟ้าบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และกลุ่มทะลุแก๊ส ที่แยกดินแดงและถนนวิภาวดีรังสิต โดยในช่วงเย็นวันนี้เจ้าหน้าที่จะยังคงใช้การจัดกำลังตามสถานการณ์การชุมนุมของแต่ละพื้นที่ และจะเริ่มปิดการจราจรช่วงก่อนการชุมนุมประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่ในช่วงเวลาดังกล่าว
สำหรับการชุมนุมเมื่อวานนี้ที่บริเวณถนนดินแดงและวิภาวดีรังสิต ของกลุ่มทะลุแก๊ส พบว่ามีการเคลื่อนกำลังผ่านไปบนถนนวิภาวดีรังสิตพร้อมกับใช้ประทัดยักษ์และวัตถุทรงกระบอกคล้ายไปป์บอมบ์หรือระเบิดแสวงเครื่อง ปาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจและสถานที่ราชการเช่น กองดุริยางค์ทหารบก อุปกรณ์โทรศัพท์ฉุกเฉินบนทางด่วน และตู้เก็บเงิน จนเกิดความเสียหาย อีกทั้งยังมีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานของวัตถุที่กลุ่มผู้ชุมนุมใช้ได้เป็นจำนวนมาก
ซึ่งจากนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ให้มีการยกเลิกการใช้สิ่งกีดขวางบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตและถนนดินแดงคุณเมื่อวานนี้เป็นวันแรกที่เริ่มมีการปรับใช้ตามแผนของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ก็พบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมยังคงใช้ความรุนแรงเหมือนเดิม จึงจำเป็นต้องนำกำลังของตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) เข้าไปควบคุมสถานการณ์ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะแยกย้ายกันออกไป
ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาลจะมีการปรับรูปแบบการเข้าควบคุมสถานการณ์การจัดกำลังของตำรวจควบคุมฝูงชนในแต่ละวันแตกต่างกันไปตามการข่าวที่ได้รับ และสถานการณ์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการควบคุมสถานการณ์มากที่สุด แต่ก็จะให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด
สำหรับกรณีของคลิปภาพเจ้าหน้าที่กองร้อยควบคุมฝูงชน (คฝ.) ใช้ปืนยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมที่ขี่รถจักรยานยนต์ในระยะประชิดตัวนี้การเผยแพร่ภาพลงในโลกโซเชียลและเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ขณะนี้ทราบว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ซึ่งเบื้องต้นทราบแล้วว่าตำรวจนายดังกล่าวคือใครพร้อมทั้งมีการเรียกเข้ามาพูดคุยสอบถามข้อเท็จจริงแล้วในระดับหนึ่ง แต่ต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงานจึงจะสามารถระบุได้ว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจนายดังกล่าวมีความผิดหรือไม่ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าวยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมฝูงชนตามปกติ แต่ก็ได้ให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยกำชับแนวทางการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามยุทธวิธีและกฎหมายมากที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดภาพในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ ชี้แจงถึงการจัดการจราจรในช่วงที่มีการชุมนุมโดยเฉพาะบริเวณถนนดินแดงและวิภาวดีรังสิตของกลุ่มทะลุแก๊ส ที่มักมีประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนนพี่ไม่ทราบว่าเริ่มมีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือมีการรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วขับรถเข้าไปภายในจุดดังกล่าวเป็นจำนวนมากจนเกิดการร้องเรียนกับสื่อมวลชนหลายครั้ง
เบื้องต้นในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการจราจรของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละจุดพบว่าได้มีการนำแผงเหล็กมากั้นปิดการจราจรแล้วและให้ตำรวจจราจรยืนประจำการในแต่ละจุดแต่เมื่อการชุมนุมรุนแรงขึ้นพบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและนำแผงเหล็กที่นำมากั้นไว้ออก จนทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดและขับรถเข้าไปในจุดดังกล่าวอีกครั้งการทำงานยังต้องประสานกับฝ่ายความมั่นคงเพื่อทราบความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมและนำไปปรับใช้กับการปิดการจราจรในพื้นที่ ทำให้เกิดข้อจำกัดในการทำงานค่อนข้างมาก แต่หลังจากนี้จะนำข้อมูลการต้องการของประชาชนไปปรับแก้ให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด
สำหรับการดำเนินคดีล่าสุดวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 13 คน พร้อมของกลาง ระเบิดปิงปอง 53 ลูก ระเบิดแสวงเครื่อง 10 ลูก เครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง ข้อหาความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมช่วงก.ค.-ส.ค. ดำเนินคดีทั้งสิ้น 90 คดี มีผู้ต้องหาที่จะถูกดำเนินคดี 481 คน จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย 224 คน คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนบช.น. จะออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมและกระทำผิดต่างๆ อีก 118 หมาย แบ่งเป็นกลุ่มแกนนำทั้งหมด 16 หมาย กลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆ 102 หมาย
ทั้งนี้ กรณีที่มีการใช้ความรุนแรงตามที่มีภาพปรากฎออกมา มีความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอั้งยี่ซ่องโจร การวางเพลิงเผาทรัพย์ และการสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อนให้เกิดเหตุความรุนแรงในบ้านเมือง ทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุดังกล่าว
ขณะที่ความคืบหน้าที่คดีเด็กอายุ 14 ปี ถูกยิง นายชุณหะวัน พ่อของเด็กชายวัย 14 ปี เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีความ ว่า เมื่อวานที่ผ่านมาตัวเองและลูกชายลงพื้นที่พร้อมตำรวจสืบสวนเพื่อพิสูจน์ทราบจุดเกิดเหตุ โดยตำรวจเทียบเคียงจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางเกิดเหตุ บนถนนประชาสงเคราะห์และพบข้อมูลภาพระบุเวลาช่วงค่ำในวันที่ 16 สิงหาคม ซึ่งเวลาใกล้ช่วงเกิดเหตุที่ลูกชายถูกยิง ซึ่งจุดเกิดเหตุคือ ปากซอย ประชาสงเคราะห์14 ช่วงโค้งหน้าปากซอย ชายต้องสงสัยมีลักษณะผอม สูงในมือถือปืน ชัดเจน โดยลูกชายยืนยันว่า มีลักษณะคล้ายผู้ก่อเหตุ ตำรวจสืบสวนมีข้อมูลผู้ต้องสงสัยแล้ว และอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามเพื่อพิสูจน์ตัวตน จากนั้นจะรวบรวมพยานหยักฐานยื่นต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดี