ครม.เคาะ “ไตรยฤทธิ์” นั่งอธิบดีดีเอสไอคนใหม่
ครม.เคาะ “ไตรยฤทธิ์” นั่งอธิบดีดีเอสไอคนใหม่ พบผลงานยึดทรัพย์ยาเสพติด 7พันล้าน - แชร์ Forex-3D”
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติแต่งตั้งอธิบดีดีเอสไอคนใหม่ ตามที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เสนอชื่อ นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ขึ้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แทน พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2564 นี้
โดยสำหรับประวัติ นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ อายุ 55 ปี เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ และติดตามคุณพ่อรับราชการเป็นนายแพทย์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส เรียนจบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เรียนต่อจนจบเป็นผู้เชี่ยวชาญวุฒิบัตรด้านนิติเวชศาสตร์จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จากนั้นรับราชการเป็นหัวหน้าห้องอุบัติเหตุฉุกเฉินและนิติเวช (แพทย์นิติเวชคนแรกของกระทรวงสาธารณสุข)โรงพยาบาลศูนย์สุราษฎร์ธานี จากนั้นเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลมะเร็งสุราษฎร์ธานี(ศูนย์มะเร็งเดิม) จนดำรงตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ
ก่อนจะมารับราชการ ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ประมาณปี 2547 ซึ่งผ่านหลักสูตรผู้บริหารงานจำนวนมาก อาทิ หลักสูตรการบริหารงานสายการแพทย์ทหารอากาศชั้นสูงรุ่นที่ 18 หลักสูตรนักบริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (ยธส.) รุ่นที่ 1 หลักสูตรผู้บริหารงานยุติธรรมระดับสูง (บธส.)รุ่นที่ 1 หลักสูตรเพื่อการพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ รุ่นที่ 5 และผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.) รุ่นที่ 21 และหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 61
โดยนายแพทย์ไตรยฤทธิ์ เริ่มเติบโตตามลำดับชั้น จนถึงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาตร์ ก่อนที่มีคำสั่งย้าย มารับราชการตำแหน่งรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และได้ขึ้นตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ในสมัยนายสมศักดิ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงในช่วงหนึ่ง ได้รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ด้วย
สำหรับผลงานของนายแพทย์ไตรยฤทธิ์ ที่ผ่านมา มีผลงานโดดเด่นด้านการสืบสวนสอบสวน อาทิ เป็นประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด (หัวหน้าคณะพาลีปราบยา 16 ชุด) ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการติดตามยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติด ทั้งส่วนกลางและระดับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม และเกิดผลสัมฤทธิ์ อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยได้เป็นผู้ประสานและบูรณาการความร่วมมือระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม และกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการประชุมอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประธานกรรมการ/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ เป็นที่ปรึกษาการประชุม และมีการขับเคลื่อนการปฏิบัติการของชุด “พาลีปราบยา” ทั้ง 16 ชุดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการผลักดันให้สำนักงาน ป.ป.ส. จัดหาเครื่องมือพิเศษในการสืบสวนทางเทคโนโลยีชั้นสูง มาใช้ในการปฏิบัติงานปราบปรามและยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด
รวมถึงการนำเครื่องมือพิเศษดังกล่าวมาใช้ในการสืบสวนและตรวจสอบข่าวปลอมให้กับทางรัฐบาล อีกภารกิจหนึ่งในปัจจุบันด้วย โดยนับตั้งแต่มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าวเมื่อ 26 ธันวาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน สามารถยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดได้แล้วประมาณ 7,000 ล้านบาท สูงกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้คือ 6,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในระหว่างดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำระบบการสืบสวนสอบสวนออนไลน์มาใช้ในการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวนมากและกระจายอยู่ทั่วประเทศ เช่น กรณีหลอกลวงให้ลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex-3D) ซึ่งในคดีนี้ เบื้องต้นมีผู้เสียหายลงทะเบียนไว้กว่า 14,000 คน แต่มาให้ปากคำการสอบสวน 8,436 คน พบมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 1,908,113,421 บาท ทำให้สามารถใช้เวลา 7 เดือนเศษ ในการทำสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา 4 ราย เป็นตัวบุคคล 2 ราย และนิติบุคคล 2 ราย มีสำนวนการสอบสวน 196,444 แผ่น เป็นแฟ้ม 434 แฟ้ม บรรจุ 74 ลัง ส่งไปยังสำนักงานอัยการคดีพิเศษได้เป็นที่เรียบร้อย