ก่อน "เปิดประเทศ" ต้องเปิด "กทม." เราพร้อมแค่ไหน?
การเปิดเมืองเปิดประเทศ เป็นความจำเป็นที่ต้องดำเนินการ และต้องรับผิดชอบร่วมกันในการป้องกันการติดเชื้อ เพื่อให้คนรอบข้างสามารถใช้ชีวิตและทำมาหากินได้เป็นปกติสุข ประเทศไทยจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าช้าหรือเร็ว คนไทยทุกคนเป็นผู้กำหนด
คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 ก.ย. 2564 อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงชาว “ต่างชาติ” ที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย ผ่านความเห็นชอบจาก กำหนดเงื่อนไขให้ชาวต่างชาติมาลงทุน 3 ส่วน คือ 1.การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) 2.การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 3.การลงทุนพันธบัตรรัฐบาลไทย เป็นแพ็คเกจดึงเม็ดเงินโดยให้แรงจูงใจพิเศษทั้งด้านวีซ่า ภาษีและการซื้อที่ดิน ภาคเอกชนได้ตอบรับเป็นอย่างดี บรรยากาศทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะกลับมาคึกคัก การเปิดประเทศในเดือน ต.ค. มีความหวังที่มากขึ้น
อ่านข่าว : 1ต.ค.ไทยเปิดประเทศเร็วไป ฉีดวัคซีนโควิด-19ยังไม่ครอบคลุม
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มองว่าต่างชาติสนใจการลงทุนเอฟดีไอ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม เช่น อีอีซี ขณะที่อสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่าประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางของต่างชาติในการอยู่อาศัยหรือการท่องเที่ยว การที่ให้สิทธิในการซื้อที่ดินได้ จึงช่วยดึงดูดได้เป็นอย่างดี ไม่นับประเด็นการให้ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษมาทำงาน จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายซึ่งต้องการแรงงานกลุ่มนี้มาก เช่นเดียวกับหอการค้าไทยชื่นชมการทำงานในเชิงรุก ที่งัดจุดแข็งสร้างจุดขายประเทศน่าอยู่ปลอดภัยได้เป็นอย่างดี
บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือเคทีซี ขานรับออกโปรโมชั่นรองรับลูกค้าคนไทยสุดอั้น ได้เวลาจัดหนักออกเที่ยวล้างแค้น โดยระบุว่าหลังเจอแรงกดดันจากการระบาดของโรคโควิด-19 มาตั้งแต่ระลอก เม.ย.64 เคทีซีหวังว่าช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ กระแสการท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย จะช่วยดันยอดการใช้จ่ายหมวดท่องเที่ยวผ่านบัตรเครดิตให้กลับมาฟื้นตัว เราเห็นด้วยกับมาตรการล็อตนี้ของ ครม. หลังจากนี้เป็นรายละเอียดที่หน่วยงานอย่าง สภาพัฒน์ บีโอไอ กระทรวงการคลัง จะออกแบบ และทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
เมื่อวานนี้ (15 ก.ย.) ยังมีความเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญที่ กทม. พื้นที่สำคัญที่สุดในการเปิดเมืองเปิดประเทศ มีการประชุมระหว่างนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชกรุงเทพมหานคร เพื่อให้กรุงเทพฯ สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวให้ได้ภายในเดือน ต.ค. แม้วันนี้ กทม.ยังได้รับวัคซีนไม่ถึง 70% แต่ที่ประชุมมั่นใจว่าในเดือนหน้า ชาวกรุงจะได้รับวัคซีนครบ 70% จึงลงมติหากวัคซีนครบ 2 เข็ม 70% จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทันที ที่ประชุมตั้งเป้าไว้วันที่ 15 ต.ค.
เราเห็นว่าการเปิดเมืองเปิดประเทศ เป็นความจำเป็นที่ต้องดำเนินการ อาจจะมีเงื่อนไขข้อจำกัดตามพื้นที่ ภายใต้ความรับผิดชอบร่วมกันในการป้องกันการติดเชื้อ จนกว่าโควิด-19 จะเปลี่ยนโหมดลดระดับจาก Pandemic ลงมาเป็น Endemic หรือโรคประจำถิ่น เพื่อความไม่ประมาท สำหรับสถานที่เสี่ยงและกลุ่มเสี่ยง ต้องป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาลไปอีกระยะ เพื่อให้ที่สุดแล้ว ตัวเราและคนรอบข้างสามารถใช้ชีวิตและทำมาหากินได้เป็นปกติสุข ประเทศไทยจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าช้าหรือเร็ว คนไทยทุกคนเป็นผู้กำหนด