"พล.อ.วิชญ์" ปธ.ยุทธศาสตร์พปชร. เกมบล็อก "ประยุทธ์-อนุพงษ์" ยึดพรรค
งานนี้ห้ามกระพริบตา เพราะความเปลี่ยนแปลงในพลังประชารัฐครั้งนี้ เป็นตัวชี้ขาดอนาคตการเมืองของ 3ป. โดยเฉพาะ ป.ประยุทธ์ อย่างไรอย่างนั้น
ชื่อลอยมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย สำหรับ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) น้องเลิฟ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่ตั้งเป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐคนล่าสุด
นับเป็นประธานยุทธศาสตร์ฯ คนที่ 3 นับตั้งแต่มีพรรคพลังประชารัฐ คนแรกคือ พล.อ.ประวิตรเข้ามาในช่วงเปิดเกมไล่กลุ่ม 4 กุมาร
คนที่สองที่แต่งตั้งกันแบบลอยๆ ไม่มีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร คือ สมศักดิ์ เทพสุทินรมว.ยุติธรรม ที่ว่ากันว่า เพื่อปลอบใจกลุ่ม 3มิตร ในคราวเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคจาก อนุชานาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ มาเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์
มาถึงคนที่3 คือ บิ๊กน้อย หรือ พล.อ.วิชญ์ เตรียมทหาร รุ่น 11 ที่ใกล้ชิดพี่ใหญ่ การเข้ามาครั้งนี้มาพร้อมกับสัญญาณ ที่ถูกจับตาถึงการเตรียมปรับทัพใหญ่ครั้งต่อไป อย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรค
แม้ประธานยุทธศาสตร์ฯ จะเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว ที่ตั้งโดยหัวหน้าพรรค ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค และแทบจะไม่มีบทบาทอะไรที่เป็นนัยยะสำคัญในการขับเคลื่อนงานของพรรคก็ตาม
เรียกว่าเป็นตำแหน่งลอยๆ ในพรรค แต่ก็มีข้อสังเกตว่า พล.อ.ประวิตร กำลังใช้แผนกันท่า น้อง2ป. หรือไม่ หลังเริ่มมีการพูดถึงว่าจะส่งคนของตัวเองเข้ามาในพรรค
อ่านข่าว : ดีลพลังประชารัฐ-เพื่อไทย บัตร 2 ใบวัดพลัง"พี่ใหญ่-2 ป.”
ตรงนี้จึงเป็นสัญญาณสำคัญว่า พล.อ.ประวิตร กำลังชิงจังหวะ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพรรคอีกครั้ง ดูได้จากการแต่งตั้งบุคคลในตำแหน่งนี้ 2 ครั้งที่ผ่านมา ก็นำมาซึ่งการเปลี่ยนถ่ายอยู่เสมอ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานะของร.อ.ธรรมนัส ในพรรคสั่นคลอน ไม่มั่นคง มีโอกาสสูงที่จะถูกเขี่ยพ้นกระดานการเมือง 3ป. ไม่เร็วก็ช้า
ขณะเดียวกัน เกมแก้ปัญหาขาลอยของ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องมีบทบาทที่เข้มข้นและใกล้ชิดกับพรรคมากขึ้น วิธีหนึ่งก็คือการคอนโทรลผ่านแกนนำหลายคนที่ช่วยให้นายกฯ ผ่านเกมซักฟอกไปได้
อีกวิธีที่ต้องจับตา คือ พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจกระโดดเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเต็มตัว นำสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไปเองหรือไม่
รวมถึงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ที่จะเข้ามาสยบปัญหาความวุ่นวายภายในที่ไม่เคยจบสิ้น ชื่อของ 2ส. ถูกพูดถึงเป็นระยะ คนแรก คือ ส.สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่มีความพร้อมมากมาตั้งแต่ต้น เคยเป็นแคนดิเดตเลขาฯพรรค มาแล้ว 2 ครั้ง แต่ก็อกหักทั้ง2คราว
ปัจจัยสำคัญที่สันติต้องการเก้าอี้เลขาฯ ก็เพื่อหวังอัพเกรดเก้าอี้รัฐมนตรีขึ้นเป็นว่าการ ไม่ต่างจากเหตุผลของกลุ่ม 4ช. เดิม
วีรกรรมล่าสุด คือการหักเหลี่ยมกลุ่ม 4ช. ที่พล.อ.ประวิตร โอบอุ้ม หันไปร่วมกับกลุ่มขั้วตรงข้ามเพื่อช่วย พล.อ.ประยุทธ์ ในศึกซักฟอก อาจสร้างความคาใจให้กับพล.อ.ประวิตร อยู่ไม่น้อย
งานนี้ต้องวัดใจกันสุดขีด กับการดัน สันติ ขึ้นเป็นเลขาฯ คนระดับผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง คงต้องดีดลูกคิดคำนวณให้ดี เพราะคนในพรรคพูดกันอื้ออึง รู้ดีว่าคนคนนี้ พร้อมที่จะพลิกค่ายย้ายขั้วได้ทุกเมื่อ
ส.ที่2 คือ สมศักดิ์ ก็เป็นอีกคนที่ถูกคาดหมายว่าเหมาะสมกับตำแหน่งเลขาฯพรรค เช่นเดียวกันด้วยประสบการณ์ทางการเมือง บุคลิกประนีประนอม สุขุม มีความเป็นผู้ใหญ่ ว่ากันว่าเป็นอีกคนในพลังประชารัฐ ที่นายกฯ ไว้วางใจ
ถึงแม้ที่ผ่านมา สมศักดิ์ แสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่ได้สนใจตำแหน่งเลขาฯพรรค ก็ตาม แต่หากเกมของ 3ป. ที่มีข้อสันนิษฐานว่ารู้กัน แค่แบ่งบทกันเล่น เพื่อประคองตัวในเกมอำนาจ เลือกให้ทำหน้าที่ ก็คงปฏิเสธลำบาก
ต่างจาก ส.สันติ ที่มีความต้องการอยากขึ้นนั่งในตำแหน่งเลขาฯ มานาน ก็อาจต้องอกหัก 3 ครั้งซ้อน เพราะของแบบนี้ เข้าตำรา คนอยากไม่ได้เป็น คนเป็นไม่ได้อยาก มีให้เห็นมานักต่อนัก
ความเคลื่อนไหวในพลังประชารัฐ ที่คนระดับหัวหน้าพรรค ไล่เรียงกันลงมา ต่างพยายามพูดไปในทางเดียวกันว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ก็อาจเพื่อให้ใครบางคนตายใจ ก่อนเขี่ยพ้นเกมแบบไม่ทันตั้งตัวหรือไม่
งานนี้ห้ามกระพริบตา เพราะความเปลี่ยนแปลงในพลังประชารัฐครั้งนี้ เป็นตัวชี้ขาดอนาคตการเมืองของ 3ป. โดยเฉพาะ ป.ประยุทธ์ อย่างไรอย่างนั้น