“เส้นตาย 8 ปี” แผนสกัด ดัดหลัง “บิ๊กตู่” อยู่ยาว

“นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง”

 

บทบัญญัติมาตรา 158 วรรคสี่ แห่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่ยามนี้มีข้อถกเถียงจากหลายส่วน เกี่ยวกับสถานภาพของ“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งหลังจากนี้ 

 

ในมุมของ “สุทิน คลังแสง” ประธานวิปฝ่ายค้าน ผู้เปิดเรื่องนี้มองว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2557

 

เท่ากับดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 7 ปี 34 วัน ฉะนั้นถ้าตีความตามมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญ เท่ากับว่าพล.อ.ประยุทธ์ ยังสามารถตีตั๋วนายกฯ ได้อีกเพียง 11 เดือน หรือไม่เกินวันที่ 24 ส.ค.2565!!

 

แต่กระนั้น “สุทิน” ก็ยอมรับว่า ประเด็นนี้อาจมีการตีความรัฐธรรมนูญแบบ“ศรีธนญชัย” ให้นับวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ วันที่ 6 เม.ย.2560 

 

เท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะนั่งเก้าอี้นายกฯต่อไปได้ถึงเดือน เม.ย.2567 หรือราว ๆ  3 ปี นับจากนี้

สอดคล้องกับ “เจษฎ์ โทณะวณิก” คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในฐานะอดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ที่ฟันธงประเด็นนี้ว่า มาตรา 158 วรรคสี่ เขียนไว้อย่างชัดเจน นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปี ไม่ได้ 

 

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่ไม่ให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง คือไม่นับรวมรักษาการ

 

อ.เจษฎ์ ยังมองด้วยว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยรักษาการ ตามมาตรา 264 แปลว่า เป็นคณะรัฐมนตรี ตั้งแต่สมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) คือต้องเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่ปี 2557  

 

ฉะนั้นถ้าให้นับอายุความเป็นนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ จะสิ้นสุดลงในเดือน ส.ค.2565

 

ต่างจาก “อุดม รัฐอมฤต”อดีตโฆษก กรธ. ที่มองว่า การนับวาระนายกฯนับต่อจากรัฐธรรมนูญ 2557 หรือฉบับชั่วคราวไม่ได้ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ มาตามมาตรา 88 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

 

อย่างที่รู้กันว่า ความเห็นที่แตกต่างกันใน 2 แนวทางเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นการนับวาระตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งจะเหลือวาระอยู่ 10 เดือน 26 วัน 

 

หรือนับจากการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 60  จะเหลือวาระ 5 ปี 8 เดือนที่สุดแล้วอาจต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ เห็นชัดจากความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยที่เตรียมยื่นศาลเพื่อวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว 

 

เอาเข้าจริง ประเด็นนี้อาจกลายเป็นแผนดัดหลัง เพื่อสกัดไม่ให้ “บิ๊กตู่อยู่ยาว” โดยเฉพาะพรรคการเมือง ทั้งพรรคประชารัฐ หรือการตั้งพรรคใหม่เพื่อรองรับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ยามนี้อาจกำลังบวกลงบวกลบคูณหาร หากยังเลือกที่จะเสนอชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกที่กำลังจะมีขึ้น

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นหากจะมีการหยิบยกเรื่องนี้ โดยอ้างเงื่อนไขข้อกฎหมายที่อาจนำไปสู่การยื่นตีความ และส่งผลกระทบไปถึงพรรคที่เสนอชื่อในภายหลัง เพื่อเปิดเกมขวาง พล.อ.ประยุทธ์ ชิงนายกฯ ก็คงไม่แปลกอะไรนัก

 

ยิ่งยามนี้ เกิดสภาวะประลองกำลังภายใน บวก "แผนลับ-สับเปลี่ยนตัว" แคนดิเดตนายกฯ ที่ตั้งป้อมขวางชงชื่อ “พล.ประยุทธ์” ในบัญชีนายกฯด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นเกมเข้าทาง ในการสกัด “บิ๊กตู่อยู่ยาว” ได้โดยปริยาย

 

ทำไปทำมา ประเด็นเงื่อนตาย 8 ปี จะกลายเป็นปมร้อนที่สั่นคลอนสถานะพล.อ.ประยุทธ์ หากยังลงชิงตำแหน่งนายกฯ ในการเลือกตั้งสมัยหน้า