พฤติการณ์“ประยุทธ มหากิจศิริ”ป.ป.ช.ฟันออกเอกสารสิทธิมิชอบ-ทำสนามกอล์ฟ
โชว์พฤติการณ์ชัด ๆ “ป.ป.ช.” ชี้มูลผิด “ประยุทธ มหากิจศิริ-เครือข่ายเอกชน” สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิมิชอบ ทั้งพื้นที่ “กระบี่” 66 ไร่ พ่วงสนามกอล์ฟ “เมาท์เท่น ครีกฯ” โคราช 189 ไร่ ทับซ้อนที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ-ป่าไม้ถาวร-ส.ป.ก.
เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงในสำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมกันแถลงข่าวสำคัญเกี่ยวกับการทุจริตการออกเอกสารสิทธิที่ดินและการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติหลายกรณีด้วยกัน
กรณีที่น่าสนใจ ปรากฏชื่อของนายประยุทธ มหากิจศิริ นักธุรกิจชื่อดัง “เจ้าพ่อเนสกาแฟ” ถูกชี้มูลฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดด้วย 2 สำนวน
รายละเอียดเป็นอย่างไร ไปดูในสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ได้ในบรรทัดถัดไป
หนึ่ง กล่าวหานายนิยุต ดุสิตกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดิน จ.กระบี่ กับพวก ร่วมกันออกโฉนดที่ดินเลขที่ 45374 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ จากหลักฐาน น.ส.3 ก. เลขที่ 263 ให้กับนายประยุทธ มหากิจศิริ โดยมิชอบ จำนวน 66 ไร่เศษ มีการนำที่ดินนอกหลักฐาน รวม 19 ไร่เศษ เป็นที่ดินของรัฐ นำมาจัดทำเอกสารสิทธิโดยมิชอบ
สำนักงาน ป.ป.ช. ตรวจสอบพบว่า เดิมพื้นที่แปลงดังกล่าว กรมพัฒนาที่ดินเคยสำรวจที่ดินเคยสำรวจไว้แล้วพบว่า เป็นที่ดินของรัฐ และจากการสำรวจถูกจำแนกให้เป็นที่ดินสำหรับป่าไม้ถาวรของชาติ และพื้นที่ปฏิรูปเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) โดยตั้งแต่ปี 2504 พบว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวไม่มีผู้ถือครองหลักฐานเดิมเลย ไม่มีเอกสารสิทธิ จากการสำรวจประชากรบริเวณนี้มี 22 ราย ไม่มีหลักฐานการถือครอง แต่กลับพบว่ามีการนำใบ ส.ค.1 และใบจอง มาสวมสิทธิออก น.ส.3 ก. รวม 9 แปลง เนื้อที่ 66-1-75 ไร่ หลังจากนั้นมีการขายต่อให้กับนายประยุทธ
หลังจากนั้นนายประยุทธ นำ น.ส.3 ก. ทั้ง 9 แปลงดังกล่าว ไปรวมออกเป็น น.ส.3 ก. แปลงเดียวคือ เลขที่ 263 เนื้อที่ 73-0-82 ไร่ โดยมีเนื้อที่เพิ่มขึ้น 6-3-7 ไร่ หลังจากนั้นนายประยุทธนำ น.ส.3 ก. ดังกล่าวไปขอออกเป็นโฉนดที่ดิน เลขที่ 45374 และมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นมาอีก รวมถึงทับหนองน้ำสาธารณะประโยชน์ด้วย
“จากการไต่สวนของ ป.ป.ช. ตรวจสอบพบเอกสารหลักฐานสำคัญจากกรมพัฒนาที่ดิน ไม่พบว่ามีการถือครองที่ดินตามหลักฐานเดิมเลย และพื้นที่นี้คาบเกี่ยวกับที่ ส.ป.ก. ด้วย” ป.ป.ช. ระบุ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวม 6 ราย เจ้าหน้าที่ปกครองส่วนท้องถิ่น 1 ราย และเอกชน ที่รวมถึงนายประยุทธ มหากิจศิริ และมีเจ้าของที่ดินข้างเคียง กระทำการเป็นขบวนการ สมยอมแนวเขต หลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างกรมป่าไม้ และ ส.ป.ก. จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157, 162 ประกอบประมวลกฎหมายที่ดิน และ พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ
สอง กรณีกล่าวหาพนักงานที่ดิน อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา กับพวกรวม 9 ราย รังวัดโฉนดที่ดิน น.ส.3 ก. ของสนามกอล์ฟเมาน์เทน ครีก กอล์ฟ แอนด์รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนซ์ ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา โดยพบว่า มีการนำที่ดินของรัฐ ประกอบด้วยที่ดินในป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาเตียน ป่าเขาเขื่อนลั่น และป่าไม้ถาวร ป่าปากช่องหมูสี รวมถึงเขตที่ดิน ส.ป.ก. นำมารวมในการรังวัดเขต ทำให้มีเนื้อที่ดินเพิ่มขึ้น 189 ไร่ โดยมีจุดประสงค์รวมที่ดินกันเป็นแปลงเดียวเพื่อสร้างสนามกอล์ฟ
ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ตามสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ระบุว่า โฉนดที่ดินที่กลุ่มของนายประยุทธ มหากิจศิริ กว้านซื้อเพื่อทำสนามกอล์ฟมีจำนวนรวม 2,304 ไร่ แบ่งเป็นที่ดินตามโฉนดที่ดิน 1,684 ไร่ ที่ดิน น.ส.3 ก. 431 ไร่ และที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ 189 ไร่ โดยที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิเหล่านี้ พบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตป่าไม้ถาวร และเขต ส.ป.ก.
สำหรับเรื่องแบ่งเป็น 3 กรณีย่อย ได้แก่ 1.ที่ดินที่มีกลุ่มบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน)) ซึ่งเคยปรากฏชื่อนายประยุทธ มหากิจศิริ เป็นกรรมการบริหาร เป็นผู้ซื้อ
2.ที่ดินที่มีกลุ่มบริษัท เลควูดคันทรี่คลับ จำกัด (ของตระกูลมหากิจศิริ) มีการซื้อที่ดิน และขอรังวัดแนวเขตที่ดินใหม่ เพื่อนำไปสู่การขอออกโฉนดใหม่ โดยพบว่า มีการนำที่ดินนอกหลักฐานมารวมกันที่ดินตัวเอง ทำให้ที่ดินมีเนื้อที่เพิ่มมากขึ้น
3.ที่ดินที่มี น.ส.อุษณา มหากิจศิริ (บุตรสาวนายประยุทธ มหากิจศิริ) เป็นผู้ซื้อ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติชี้มูลความผิด เจ้าพนักงานที่ดิน อ.สีคิ้ว กับพวก ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 รวมถึงชี้มูลนายประยุทธ มหากิจศิริ กับพวก และกลุ่มเอกชน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาด้วย