“ศรัณย์วุฒิ-ก้อย พรพิมล” พรรคไหน...ปลายทาง “2 งูเห่า”
ดูเหมือนจะเข้าตามสำนวนที่ว่า "ตีงูให้ตาย" หลังพรรคเพื่อไทยมีมติขับ“ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ” และ“ก้อย” พรพิมล ธรรมสาร พ้นพรรค ซึ่งต้องจับตา "2งูเห่า" แห่งเพื่อไทยภายใต้ชายคาหลังใหม่หลังจากนี้
หากจะเปรียบกับวลีที่ว่า “ตีงูต้อง ตีให้ตาย” สำหรับ 2 ส.ส.คือ “ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ” ส.ส.เขต 2 อุตรดิตถ์ และ“ก้อย” พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.เขต 5 ปทุมธานี ในยามนี้ก็คงไม่ผิดอะไรนัก
หลังจากล่าสุดที่ประชุมร่วมกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยมีมติขับทั้ง 2 คนพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค และให้มีผลทันที
โดยกรณีของ“ศรัณย์วุฒิ”เพื่อไทยให้เหตุผลว่า พฤติกรรมมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค เป็นการทำลายภาพลักษณ์ และชื่อเสียงของพรรค ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรคอย่างร้ายแรง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค และเป็นการกระทำผิดวินัยและจริยธรรมของพรรค
ส่วน “พรพิมล” กรรมการบริหารเห็นว่า มีพฤติการณ์ฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่น ไม่ยึดมั่นในเจตนารมณ์ และอุดมการณ์ของพรรค
อีกทั้งเป็นการกระทำผิดซ้ำสอง ตามที่พรรคเคยมีมติลงโทษไปแล้ว จึงถือเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค และถือเป็นการผิดวินัยและจริยธรรมของพรรค
หลังจากนี้ทั้ง 2 คน จะต้องหาสังกัดพรรคใหม่ ให้ได้ภายใน 30 วัน
ย้อนรอยปฐมบท “2 งูเห่า” แห่งเพื่อไทย ในส่วนของ “ศรัณย์วุฒิ” ก่อนหน้านี้ถูกพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรก ในรัฐบาลประยุทธ์ เมื่อช่วงต้นปี 63 ท่ามกลางกระแส “ดีลลับ-สับขาหลอก” โดยเฉพาะในส่วนของ “ศรัณย์วุฒิ” ที่อภิปรายชนิดน้ำท่วมทุ่ง กินเวลาไปกว่า 3 ชั่วโมง
จนถูกมองว่าไม่ต่างอะไรกับเกมฮั้ว ที่ช่วยให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รอดซักฟอกไปอย่างหวุดหวิด ชนิดค้านสายตา “พรรคอนาคตใหม่” ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทำให้“ตัวท็อป” อนาคตใหม่ที่เตรียมไว้ ต้องอดอภิปรายไปโดยปริยาย
ซ้ำยังนำมาซึ่งรอยร้าวระหว่างพรรคเพื่อไทย และอนาคตใหม่ ถึงขั้นที่ “ปิยะบุตร แสงกนกกุล” เลขาพรรคอนาคตใหม่เวลานั้น ออกมาฉะเดือดพรรคเพื่อไทยเรื่อง “คุณขอมา” ร้อนถึงแกนนำทั้ง 2 พรรคต้องเคลียร์ใจกันในท้ายที่สุด
จากนั้นชื่อของ “ศรัณย์วุฒิ” ยังถูกพูดถึงอีกครั้ง หลังถูกโยงไปยังงบ“จัดซื้อเรือยาง” เมื่อครั้งจัดสรรงบประมาณปี 64หลังอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียนพยายามทักท้วงประเด็นการเสนอราคาที่แพงกว่าท้องตลาด ซ้ำอนุ กมธ.มีมติให้ตัดงบ 6 ล้านออกจากงบกว่า 300 ล้านบาท
ว่ากันว่าตัว “ศรัณย์วุฒิ” ที่เชียร์ให้จัดซื้อเรือยางแบบสุดลิ่มทิ่มประตู พยายามต่อสายหา “แกนนำพลังประชารัฐ” รายหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ในกมธ.งบ64 ต่อรองให้ช่วยเกลี้ยกล่อม กมธ.งบชุดใหญ่ให้ช่วยผ่านงบจำนวนดังกล่าว
นอกจากนี้ ในห้วงที่การเมืองปรากฎกระแส “ดูด ส.ส.” ย้ายขั้ว ชื่อของ “ศรัณย์วุฒิ” ยังถูกพูดถึงหลัง “วิรัช รัตนเศรษฐ” แกนนำพลังประชารัฐ พูดถึงการทาบทาม ส.ส.ในพื้นที่ภาคเหนือในพรรคเพื่อไทย
ก่อนที่วันถัดมา ตัว“ศรัณย์วุฒิ” จะออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่ใช่เรื่องจริง ท่ามกลางกระแสข่าวย้ายพรรคที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเรื่อยมา
ในช่วงหลังๆ “ศรัณย์วุฒิ”แทบไม่ค่อยร่วมประชุม หรือร่วมกิจกรรม มิหนำซ้ำยังโหวตสวนมติพรรค หรือขาดประชุมในหลายครั้ง ไม่เว้นแม้แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ซึ่งเป็นฟางเส้นสุดท้าย หลังเจ้าตัวด่ากราดต้นสังกัดกลางสภากรณีถูกริบโควตาอภิปราย และขออภิปรายในส่วนของโควตารัฐบาลที่เหลืออยู่แทน
ฟากฝั่งผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ให้เหตุผลการริบโควตาอภิปรายในทำนองที่ว่า “ให้(ศรัณย์วุฒิ)มาร่วมประชุมก็ไม่มา ให้มาพรีเซ็นต์ประเด็นที่จะอภิปรายก็ไม่มา บอกว่าอภิปรายเองได้”
ยิ่งไปกว่านั้น การที่“ศรัณย์วุฒิ” ทำตัวเป็นปฏิปักษ์หลายครั้ง ทำให้แกนนำและส.ส.บางคนถึงขั้นเอ่ยปาก “แบบนี้จะเอาไว้ทำไม” จุดนี้เองที่อาจเป็นชนวนการขับพ้นพรรคในท้ายที่สุด
หลังจากนี้คงต้องจับตาบทบาทภายใต้ชายคาหลังใหม่ โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล แม้เจ้าตัวจะบอกว่า “ให้น้ำท่วมหลังเป็ดถึงจะร่วมงานกับพลังประชารัฐก็ตาม”
ซ้ำก่อนหน้านี้ ยังปรากฎภาพไหว้ย่อ “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานมูลนิธิเพื่อสังคมและการศึกษา ระหว่างลงพื้นที่ภาคเหนือ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาอีกด้วย
ทว่าอีกหนึ่งคอนเนคชั่นของ “ศรัณย์วุฒิ” คือเคยเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัท ฟูจิเอเซีย จำกัด ที่มี พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หรือ “บิ๊กเหวียง” อดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตรัฐมนตรีช่วงรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตรร่วมเป็นกรรมการ
ซึ่งในส่วนของบิ๊กเหวียง เป็นบิดาของพล.ต.ธิติพันธ์ ฐานะจาโร สามีอรทัย ฐานะจาโร อดีตส.ส.ในกลุ่มคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย เมื่อครั้งร่วมงานกับพรรคไทยรักไทยอีกด้วย
ไม่ต่างไปจาก ส.ส.ก้อย พรพิมล ส.ส.3 สมัยแห่งเมืองปทุม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ปรากฏภาพการโหวตสวนมติพรรคหลายต่อหลายครั้ง ซ้ำยังเคยถูกคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี ส.ส.กระทำการฝ่าฝืนมติพรรคมาแล้ว
แม้กระทั่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด ส.ส.ก้อย โหวตไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่ลงคะแนนกรณี อนุทิน ชาญวีรกูล และศักดิ์สยาม ชิดชอบ สองแกนนำพรรคภูมิใจไทย
ท่ามกลางกระแสเปิดดีล เคลียร์ทางสนามเลือกตั้งท้องถิ่นให้กับ "นายกสมชาย" สมชาย รังสิวัฒนศักดิ์ ผู้เป็นสามี สอดคล้องกับการปรากฏตัวร่วมกับ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางกระแสย้ายไปร่วมงานพรรคภูมิใจไทยหลังจากนี้
จากนี้ต้องจับตา เพราะตามกฎหมาย ทั้ง 2 คนยังมีเวลา 30 วันในการ “เปิดดีล” เพื่อหาสังกัดใหม่
ขณะที่ฟากฝั่งเพื่อไทยเอง แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า การขับ “2 ส.ส.สูเห่า”ครั้งนี้จะเป็นเกมที่ีเข้าทางฝ่ายตรงข้าม แต่หากเอาไว้ก็จะกลายเป็นหอกข้าวแคร่ ที่คอยทิ่มแทงพรรคทุกเมื่อ
ดังวลีที่ว่า “ตีงูต้องตีให้ตาย มิเช่นนั้นจะกลับมาทำร้ายเอา”!!