14 ต.ค.เลขาฯ กกต.พบ “วิษณุ”ถกแก้ กม.เลือกตั้งฯ บัตร 2 ใบ-วิธีคำนวณ ส.ส.ใหม่
14 ต.ค. “เลขาธิการ กกต.-จนท.” เข้าพบ “วิษณุ” เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. มี 35 มาตรา ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ วิธีคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ใหม่ อาจพ่วงการทำไพรมารีโหวตหาผู้สมัครของพรรคการเมืองด้วย
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2564 มีรายงานข่าวระบุว่า ในวันที่ 14 ต.ค. 2564 พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในสำนักงาน กกต. จะเข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา13.30 น. ตามที่มีการเชิญ โดยมีกระแสข่าวว่า สำนักงาน กกต. จะมีการนำเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ที่สำนักงาน กกต. ได้ศึกษาและยกร่างขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
รายงานข่าว ระบุว่า ร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.ดังกล่าว จะมี 35 มาตรา โดยแก้ไขเกี่ยวกับการให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จำนวน ส.ส.เขต 400 ราย และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 ราย พร้อมกับการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะนำคะแนนแต่ละพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งทั้งประเทศมารวมกัน หารด้วย 100 เพื่อให้ได้คะแนนต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 ราย หากจัดสรรแล้วยังได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบ 100 ราย จะจัดสรรให้พรรคที่เหลือคะแนนเศษมากตามลำดับ โดยการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ 400 จะดำเนินการให้เสร็จภายใน 90 วัน ขณะที่ ส.ส.เขตใช้เบอร์เดียวกับพรรค รวมถึงการลดการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็น 16.00 น. นอกจากนี้จะมีการเพิ่มกรรมการประจำหน่วยจาก 5 ราย เป็น 9 ราย พร้อมกับกำหนดจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต่อหน่วย 800 ราย
รายงานข่าว ระบุด้วยว่า เลขาธิการ กกต. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. อาจมีการหารือถึงข้อติดขัดของพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง หลังจากได้รับฟังความเห็นจาก กกต. เช่น กรณีการทำไพรมารีโหวต เพื่อคัดเลือกและส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง เพราะนับตั้งแต่บังคับใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 จนถึงปัจจุบัน การจัดตั้งสาขาพรรค การหาสมาชิกพรรค เป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการทำไพรมารีโหวตของแต่ละพรรคยังเป็นปัญหา สมควรต้องมีการแก้ไขพ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ ในเรื่องดังกล่าวด้วยหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้นายทะเบียนพรรคการเมืองได้เสนอแนวทางแก้ไขให้ทางสำนักงาน กกต. ไปพิจารณาแก้ไขหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้พรรคการเมืองจะส่งผู้สมัครได้ต้องมีสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดในเขตเลือกตั้งนั้นว่า หากแก้ไขเป็นพรรคการเมืองจะส่งผู้สมัครได้ต้องมีสาขาพรรคการเมืองจังหวัดละ 1 แห่งประชุมร่วมกับสมาชิก 500 รายสามารถลงคะแนนเลือกผู้สมัครในทุกเขตเลือกตั้งของจังหวัดตามบัญชีที่คณะกรรมการสรรหาส่งมาได้ น่าจะทำให้กระบวนการคัดสรรผู้สมัครของพรรคคล่องตัวขึ้น
รายงานข่าว ระบุว่า หลังจากผู้บริหารสำนักงาน กกต.หารือกับรัฐบาลแล้ว จะนำประเด็นการหารือดังกล่าวกลับมาเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ กกต. ก่อนทำการยกร่างแก้ไขกฎหมาย และนำไปรับฟังความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา77 ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี และรัฐสภาพิจารณาต่อไป