มือเทคระดับชาติ มอง "กรณ์" เหมาะนั่ง "นายกฯ" ผู้นำเข้าใจเศรษฐกิจ-เทคโนโลยี
ที่ปรึกษานโยบาย พรรคกล้า ยก "กรณ์" ผู้นำเข้าใจเศรษฐกิจ-เทคโนโลยี เหมาะนั่งเป็น "นายกฯ" ฝีมือถึงขั้นรัฐมนตรีคลังของโลกมาแล้ว
23 ต.ค.2564 นายสมคิด จิรานันตรัตน์ ที่ปรึกษานโยบาย พรรคกล้า อดีตผู้พัฒนาแอป K-Plus และ เป๋าตังค์ โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว แสดงความเห็นกรณีนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า มีความเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ว่า เมื่อสามสิบปีที่แล้ว ตอนที่ตนยังทำงานเป็นวิศวกรระบบอยู่ที่บริษัทไอบีเอ็ม ตรงถนนพหลโยธิน เย็นวันหนึ่งขณะที่เดินออกจากตึกไอบีเอ็มเตรียมจะกลับบ้าน มองเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง อายุราวยี่สิบต้นๆ ร่างสูงโย่ง แต่งตัวดี มานั่งอยู่ตรงตีนบันไดขึ้นตึกไอบีเอ็ม ก็ได้แต่สะดุดใจ
อ่านข่าว : “กรณ์”ลุยสงขลาชู“เมืองเศรษฐกิจ” เปิดตัว 4 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.“พรรคกล้า”
และถามตัวเองว่าคนคนนี้คือใครกันหนอ ถึงแต่งตัวซะโก้ แต่มานั่งทำหล่อกับพื้นบันไดได้ ภายหลังทราบว่าเขาคือกรรมการผู้จัดการของบริษัทหลักทรัพย์เปิดใหม่ ชื่อ เจเอฟธนาคม มารู้อีกทีว่าชื่อ กรณ์ จาติกวณิช เป็นคนหนุ่มไฟแรง ทำธุรกิจของตัวเอง และต่อมาธุรกิจของเขาเติบโตได้ดีมาก ในเวลาไม่ถึงสิบปี บริษัทของเขากลายเป็นบริษัทโบรกเกอร์ชั้นนำของประเทศไปเสียแล้ว การวิเคราะห์หลักทรัพย์ของบริษัทนี้ได้รับความน่าเชื่อถือมาก อาศัยหลักการ และข้อมูลที่แม่นยำ จนนักลงทุนสถาบันหลายแห่งยังต้องพึ่งพาการวิเคราะห์ของบริษัทนี้มิได้ขาด
คุณกรณ์ ได้เติบโตเป็นบุคคลสำคัญในวงการธุรกิจหลักทรัพย์ ได้รับเชิญเป็นกรรมการของตลาดหลักทรัพย์หลายครั้ง นายกรณ์เป็นคนพูดตรงไป ตรงมา มีหลักการที่น่าเชื่อถือ และได้รับเชิญไปเป็นแขกประจำของรายการวิทยุและโทรทัศน์ และรายการสดที่จัดในห้องประชุมของตลาดหลักทรัพย์เอง ทุกครั้งที่พูดก็จะมีนักลงทุนจำนวนมากมาติดตาม และหวังพึ่งการวิเคราะห์ของคุณกรณ์อย่างสม่ำเสมอ ผมได้ติดตามเฝ้าดูคุณกรณ์มาตลอด พบว่าการบริหารงานของคุณกรณ์มีความคิดเป็นสากลมาก แต่ก็มาประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของสังคมไทย ในทางธุรกิจถือว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เริ่มก่อตั้งบริษัทตั้งแต่แรกเกิด จนสำเร็จผลเป็นที่ชื่นชม
ต่อมา คุณกรณ์ ได้ตัดสินใจไปเล่นการเมือง โดยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ และคุณกรณ์มีเพื่อนสนิทคือคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่ในพรรคด้วย ทำให้รู้สึกอุ่นใจ คุณกรณ์เองต้องการสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยเพราะเชื่อในความรู้ความสามารถของเพื่อน ที่เห็นกันมาตั้งแต่ยังศึกษาเล่าเรียนมาด้วยกันที่มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ในประเทศอังกฤษ ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ คุณกรณ์ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีคลัง ในช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ คุณกรณ์ได้มีมาตรการทางเศรษกิจหลายอย่าง ทั้งเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างโครงสร้างพื้นฐาน และมาตรการทางภาษี เพื่อยกประเทศไทยไปอีกระดับหนึ่ง การยอมรับในฝีมือการบริหารการคลัง ไม่เพียงแต่รับรู้กันภายในประเทศเท่านั้น นิตยสาร The Banker ของ Financial Times ยังยกย่องคุณกรณ์ให้เป็นรัฐมนตรีคลังของโลกแห่งปี 2010 ประเทศต่างๆในทวีปเอเชีย ได้ยกย่องคุณกรณ์ว่าเป็นผู้รอบรู้ทางด้านการคลังเป็นอย่างดี จนมีบางประเทศได้เสนอคุณกรณ์ให้เป็น ผู้อำนวยการของ IMF ด้วยซ้ำไป
คุณกรณ์ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อต้นปี 2020 มาตั้งพรรคใหม่คือ พรรคกล้า ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากเปลี่ยนประเทศไทยให้มีความทันสมัย สร้างชีวิตใหม่ และความหวังใหม่ให้กับคนไทย และสังคมไทย ให้ก้าวไปสู่โลกหน้า ที่จะถูกเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยี ซึ่งจะมีผลอย่างมากกับวิถีชีวิตของผู้คน วิธีคิด การดำรงชีวิต การทำธุรกิจ ซึ่งล้วนก้าวไปข้างหน้าสู่โลกดิจิทัลทั้งสิ้น การระดมความคิด ระดมผู้คน ที่จะมาช่วยคิด เตรียมความพร้อมให้กับประเทศในครั้งนี้ ถือเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของคุณกรณ์ หลายคนมองว่าพรรคกล้าก็คือสาขาหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมองว่าคุณกรณ์ยังเป็นมิตรที่ดีของพรรคประชาธิปัตย์ แต่จริงๆแล้ว ไม่ใช่เลย เพียงคุณกรณ์เป็นสุภาพบุรุษ ที่ออกมาแล้ว ก็ยังพูดในแง่ดีของพรรคเดิม และไม่ยอมเป็นคนที่ออกมาแล้ว มาเผาบ้านเก่าของตัวเอง ซึ่งความชัดเจนของพรรคกล้าในการเปลี่ยนประเทศ และด้วยวิธีการที่ใช้เทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือสำคัญ และออกแบบให้แก้โจทย์ที่หมักหมมกันมานานของประเทศ จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าแนวทางของพรรคกล้าเป็นแนวทางที่ปฏิบัติได้ ไม่เหมือนใคร และไม่เหมือนพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน
ประเทศไทยเอง ในช่วงโควิด19 ได้เพิ่มภาระให้กับอนาคตของรุ่นลูก รุ่นหลาน โดยได้เพิ่มเพดานหนี้สาธารณะขึ้นไปเป็น 70% ของจีดีพี ซึ่งมองดูเทียบกับประเทศอื่นๆแล้ว อาจถือว่ายังไม่มากนัก แต่เราควรดูโครงสร้างทางอุตสาหกรรม และความสามารถในการสร้างรายได้ของรัฐบาลเพื่อชำระหนี้ในอนาคตด้วย จะเห็นได้ว่าโครงสร้างทางอุตสาหกรรมของประเทศยังอิงกับอุตสาหกรรมในยุคเก่า เรายังไม่ได้เตรียมการเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลแบบเต็มตัว ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ หากเรายังบริหารประเทศด้วยบริบทเดิมๆ กรอบความคิดแบบเดิม อาศัยกลไกการขับเคลื่อนด้วยกฎระเบียบ กฎหมาย ภาคราชการ แบบเก่า ประเทศไทยในอนาคตจะมีปัญหาใหญ่รออยู่อย่างแน่นอน การคิดใหญ่เพื่อการเปลี่ยนแปลงนี้ ต้องอาศัยตัวช่วยคือการออกแบบให้มีการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ส่งเสริมเรื่องนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ สร้างโอกาสให้คนตัวเล็กๆ ให้ลืมตาอ้าปากได้ ปั้นคนไทยและประเทศไทยให้เดินไปข้างหน้าทันกับโลกที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน
"ผมจึงเห็นว่าคุณกรณ์มีความพร้อมมากในการเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ในยุคการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญนี้ เพราะคุณกรณ์เป็นนักบริหารมืออาชีพ มีฝีมือถึงขั้นรัฐมนตรีคลังของโลกมาแล้ว เข้าใจเทคโนโลยีใหม่ๆ และกลุ่ม startup เป็นอย่างดี และถึงขั้นที่เป็นผู้ก่อตั้งสมาคมฟินเทคแห่งประเทศไทยด้วยซ้ำ ประกอบกับทีมงานของพรรคกล้ามีทั้งผู้ที่คร่ำหวอดในวงการ ทั้งด้านentrepreneur ด้านเทคโนโลยี ด้านการเงิน การคลัง การศึกษา และประกอบด้วยคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมากที่มาทำงานร่วมด้วยช่วยกัน เพราะทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่า ส่วนใหญ่มีความหวังดีและอยากเห็นประเทศก้าวไปข้างหน้าทั้งสิ้น แต่การที่เราเดินไปด้วยกันข้างหน้าได้ยาก เพราะเราฟังกันน้อยไป ยึดกรอบความคิดเราเป็นหลัก และเรามองคนที่เห็นต่างเป็นศัตรู นับเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ในการปรับเปลี่ยนประเทศ เราจึงต้องมีผู้นำที่มีบุคลิกในการรับฟังที่ดี มีความรู้ความเข้าใจในวิธีคิดของผู้อื่น อาศัยความร่วมมือ และการช่วยลงมือทำของคนทุกกลุ่ม ซึ่งผมเห็นว่าคุณกรณ์มีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วนครับ" นายสมคิด กล่าว