“สุชาติ”ผงาด“บ้านใหญ่” เมืองชลฯ จ่อ“เลขาฯพปชร.”โควตา“ประยุทธ์”
เสี่ยเฮ้ง “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน ที่วันนี้ มีสถานะเป็นคนใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังจากร่วมรบในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา ด้วยการจับมือกันสู้กับ “แก๊งขาใหญ่” ในพลังประชารัฐ ที่จ้องล้มกระดานนายกฯ
คลื่นลมภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ที่กำลังก่อตัว และอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่อีกระลอกในไม่ช้า เมื่อก๊วนผู้บริหาร นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ซุ่มจัดทำโพลล์วัดความนิยม ส.ส.ของพรรค ถือโอกาสประเมินผลงาน ส.ส.อย่างมีนัย
ประเด็นร้อนนี้ ทำเอาผู้แทนฯ ในพรรคจำนวนไม่น้อย หวาดระแวงว่าการทำโพลล์ของผู้บริหารกลุ่มนี้ ต้องการจะหาเหตุ เล่นงานใครเป็นพิเศษหรือไม่ เนื่องจากเนื้อในพรรค แกนนำหลายกลุ่ม ก็เป็นคู่ขัดแย้งกับ ร.อ.ธรรมนัส และโพลล์นี้จะมีผลต่อการตัดสินใจส่งใครลงสมัครส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วยหรือไม่
ท่ามกลางการจับตาว่า นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเด็ดปีกบรรดาตัวตั้งตัวตีที่คิดการใหญ่เหล่านี้อย่างไร ในเมื่อแต่ละคนต่างมีบทบาท และอำนาจสูงในพรรค อีกทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ก็ยังคอยปกป้อง
อ่านข่าว : "วิรัช"รับ"พปชร."ทำโพลล์จริง แจงอยากได้คนลงเลือกตั้งแล้วชนะ ไม่ต้องลุ้น
ขณะที่แกนนำพลังประชารัฐ สายใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ มองตรงกันว่า การมีอยู่ของ ร.อ.ธรรมนัส นอกจากจะไม่สามารถทำให้เกิดความเป็นเอกภาพในพรรคได้แล้ว ยังเป็นชนวนความขัดแย้ง ที่เสี่ยงเกิดการปะทุได้ทุกเมื่อ ตราบใดที่ยังไม่มีการถอดสลักนี้ออก
ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังบีบคั้นนายกฯ ต้องทำอะไรบางอย่าง ก่อนสมัยประชุมสภาฯ จะเปิดในเดือน พ.ย.นี้ ไม่เช่นนั้นอาจต้องเผชิญเกมสั่นคลอนอำนาจขึ้นอีกครา
จึงเริ่มจับท่าที พล.อ.ประยุทธ์ ที่กำลังขยับเข้ามาจัดการภายใน พปชร.เพื่อเพลย์เซฟทางการเมือง โดยเฉพาะโครงสร้างอำนาจในพรรค การเปลี่ยนตัวเลขาธิการ พปชร.คนใหม่ ที่ว่ากันว่าพล.อ.ประยุทธ์ มีชื่อในใจแล้ว
เวลานี้ นักสังเกตการณ์เริ่มเห็นออร่ารัฐมนตรีที่กำลังขึ้นหม้อ อย่าง เสี่ยเฮ้ง “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน ที่วันนี้ มีสถานะเป็นคนใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังจากร่วมรบในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา ด้วยการจับมือกันสู้กับ “แก๊งขาใหญ่” ในพลังประชารัฐ ที่จ้องล้มกระดานนายกฯ
ในระยะเวลาที่ผ่านมา “สุชาติ” ผ่านบททดสอบหลายอย่าง ทั้งการบ้าน และการเมือง จนสร้างความไว้ใจให้ผู้บังคับบัญชา
จนถึงตอนนี้ การได้เห็นสุชาติกลายเป็นวอลเปเปอร์ ยืนหลังนายกฯ อยู่เสมอเวลาลงพื้นที่ เป็นคำตอบอย่างดีว่า เพราะอะไรเขาถึงขยับเข้าใกล้ศูนย์กลางอำนาจมากถึงขนาดนี้
บรรดาคนวงใน ที่รายรอบ คงพอจะรับรู้สัญญาณจาก พล.อ.ประยุทธ์แล้วว่า ใครต้องเตรียมตัวรับงานสำคัญในตำแหน่ง “เลขาธิการพรรค” เพียงแต่ตอนนี้ ยังมองไม่ออกว่า ยุทธวิธีในการถอดคนเก่า เอาคนใหม่เสียบ จะเป็นอย่างไร
จะว่าไปแล้ว นับตั้งแต่เป็น ส.ส.ในสีเสื้อพลังประชารัฐ “สุชาติ” ได้สั่งสมสร้างบารมีให้ตัวเองมาโดยตลอด จนกระทั่งได้เป็นเสนาบดี ทั้งที่เพิ่งเป็น ส.ส.ชลบุรี สมัย 2 ในชีวิต
นั่นก็ด้วยแรงผลักดันจาก “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล เป็นคนพาสุชาติไปฝากเนื้อฝากตัวกับ พล.อ.ประวิตร จนได้รับการโปรโมทเป็นรัฐมนตรีในที่สุด
คนวงนอกอาจมีข้อสังเกตว่า เหตุใดกลุ่มชลบุรี หรือขุนพลจากพรรคพลังชลที่ย้ายมาพลังประชารัฐ จึงได้โควตารัฐมนตรี 2 ที่นั่ง ก็ต้องจำแนกให้ชัดว่า โควตา “บ้านใหญ่แสนสุข” มีเพียงตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรมของ “อิทธิพล คุณปลื้ม” เท่านั้น
ส่วนตำแหน่ง รมว.แรงงาน ของ“สุชาติ” ไม่นับว่าเป็น“โควตาคุณปลื้ม”แห่งบ้านใหญ่แสนสุขแต่อย่างใด แต่ถือเป็น“โควตาพรรค”ซึ่งมีพล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ เป็นแบ็คอัพ
ชื่อชั้นของสุชาติเวลานี้ นับว่าเติบโตก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จากอดีตคนข้างกาย เป็นมือไม้ให้ “กำนันเป๊าะ” สมชาย คุณปลื้ม อดีตนายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข ที่ปลุกปั้นสู่สนามการเมืองท้องถิ่น จนเป็น ส.ส.สมัยแรกของพรรคพลังชล เป็นหนึ่งในเด็กที่สังกัดบ้านใหญ่แสนสุข
มาถึงวันนี้ คงจะเรียกอย่างนั้นไม่ได้อีกแล้ว เมื่อเขาสามารถพาตัวเองไปยืนขนาบข้างพล.อ.ประยุทธ์ คอยเป็นมือเป็นไม้ เป็นกันชนศัตรูทางการเมืองให้นายใหม่ ชนิดที่ขยับตัวเองขึ้นเป็นเบอร์ใหญ่ กลายเป็นแกนนำพรรคจากชลบุรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถ้าจะพูดให้ชัดขึ้นก็คือ “สุชาติ” บารมีเบ่งบาน จนกลายเป็น“บ้านใหญ่”หลังที่ 2 แห่งเมืองชลฯขึ้นตรงกับ “นายตู่- นายป้อม” ไม่ได้ขึ้นตรง ยึดโยงกับบ้านใหญ่แสนสุข เหมือนวันวาน
การนิยามตัวตนของสุชาติ คงไม่มีอะไรอธิบายได้ดีเท่ากับสิ่งที่เขานิยามตัวเอง เพราะรู้ดีว่าเส้นทางที่ผ่านมาในชีวิตทางการเมือง ต้องพบเจอใครที่พาให้เขาเติบใหญ่ ระหว่างทางต้องสูญเสียใคร หรืออะไรไปบ้าง
ครั้งหนึ่ง สุชาติเคยโพสต์เฟซบุ๊ค คำคมเชิงปรัชญาที่สะท้อนความคิดความอ่านของเขาได้เป็นอย่างดี “ผมเป็นปลาว่ายทวนน้ำ ผมไม่ใช่ปลาตาย ที่ลอยตามกระแส พอวันนึงไม่มีกระแส เราจะได้อยู่รอด”
ข้อความนั้น ไม่รู้ว่ากำลังกระทบกระเทียบใครหรือไม่ อย่างไร แต่ความหมายหนึ่งที่สะท้อนตัวตนของสุชาติ ได้เป็นอย่างดีคือ ความพยายามดิ้นรน ทะเยอทะยาน ไม่หยุดอยู่กับที่ จึงทำให้เขามาไกล ถึงจุดนี้