"เปิดประเทศ" ความจำเป็นที่ไม่มีทางเลือก
การเปิดประเทศภายในปลายปีนี้ เป็นความจำเป็น เพราะประเทศไทยพึ่งพิงการท่องเที่ยวสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวสูงถึง 40 ล้านคน รายได้ส่วนนี้ คิดเป็น 20% ของรายได้ประเทศ และจะเกี่ยวข้องกับการจ้างงานอีกหลายล้านคน
ถึงวันนี้ แม้คนส่วนใหญ่จะวิตกกับแผนการเปิดประเทศจะมีความเสี่ยง ผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น แต่อีกด้าน เป็นความจำเป็นที่เราต้องดำเนินการเพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการเคลื่อนไหว บรรยากาศสังคมผ่อนคลาย
เพราะหากเศรษฐกิจทรุดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่สอง จะยิ่งทำให้ประชาชนย่ำแย่ ก่อหนี้ภาคครัวเรือนเพิ่ม อุตสาหกรรมขนาดใหญ่กระเทือน กิจการขนาดกลางและเล็ก ปิดกิจการ
การเปิดประเทศ จึงเป็นความจำเป็นอย่างไม่มีทางเลือก และ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ตระหนักไว้ล่วงหน้าแล้วว่า มีความเสี่ยงแฝงอยู่
นายกรัฐมนตรี แถลงเหตุผลในการเปิดประเทศ 1 พ.ย. 2564 ความจำเป็นและความเสี่ยงว่า
"ผมรู้ว่าการตัดสินใจแบบนี้มีความเสี่ยง ที่เกือบจะแน่นอนเลยว่า เมื่อเราเริ่มต้นการผ่อนคลายต่างๆ จะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เป็นการชั่วคราว ซึ่งเราต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประเมินดูว่า เราจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไร เราต้องไม่ปล่อยโอกาสนี้ เพราะถ้าเราต้องเสียโอกาส ในช่วงเวลาทองของการทำมาหากินไปอีกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ผมคิดว่าประชาชนคงรับมือไม่ไหวอีกต่อไป”
อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่าสถานการณ์ติดเชื้อที่ลดลงและเตียงเหลือมากขึ้น เป็นตัวแปร ที่รองรับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ยังวิตก ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลเก็บเป็นข้อมูล พิจารณาและตระหนัก เมื่อกรมอนามัยทำโพลล์ ปรากฏว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อการควบคุมป้องกันโรค 28% ในขณะที่ 72% มีความคิดเห็นว่า ควรเพิ่มมาตรการที่จะทำให้เชื่อมั่นว่าหากเปิดประเทศแล้วจะปลอดภัย ด้วยการเร่งฉีดวัคซีนให้ทุกคนทั่วประเทศ ครบตามเกณฑ์ครอบคลุมทุกจังหวัด 70% ขึ้นไป
ให้มีการคุมเข้มการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดน 60% และมีการกำกับ ติดตาม การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของสถานประกอบการ และประชาชนอย่างเคร่งครัด 55% ตามลำดับ
เราเห็นว่า การเปิดประเทศภายในช่วงปลายปีนี้ เป็นความจำเป็น ในสถานการณ์ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลดลง เพราะต้องย้ำว่า ประเทศไทยพึ่งพิงการท่องเที่ยวสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ละปี มีนักท่องเที่ยวสูงถึง 40 ล้านคน รายได้ส่วนนี้ คิดเป็น 20% ของรายได้ประเทศ และจะเกี่ยวข้องกับการจ้างงานอีกหลายล้านคน
แต่อีกด้านเราต้องไม่ผ่อนคลายกฎระเบียบที่จำเป็นในการใช้ชีวิต และระเบียบการเข้ามาของต่างชาติ รวมไปถึงต้องเดินหน้าฉีดวัคซีนให้คนไทยฉีด 2 เข็มเกิน 85% ในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนั้น ต้องคิดถึงการจัดหาเตรียมวัคซีน ระยะต่อไปในปีหน้า เป็นอาวุธให้คนไทยปลอดภัยกับการใช้ชีวิตปกติร่วมกับ “โควิด”