“พรรคเพื่อไทย” จัดแฟชั่นโชว์ “ครามสกล” นำเสนอมุมมอง “อีสาน” พลังภูมิปัญญา
แฟชั่นโชว์ “ครามสกล” บนเวทีประชุมใหญ่ “พรรคเพื่อไทย” ครั้งแรกของพรรคการเมืองในประเทศไทย นำเสนอมุมมองใหม่ของความเป็นอีสาน พลังแห่งภูมิปัญญา วิทยาศาสตร์ และ soft power ที่พรรคเพื่อไทยมองเห็นคุณค่าและโอกาสสำหรับพี่น้องประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2564 พรรคเพื่อไทย ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น ในหัวข้อ “พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ซึ่งจะเป็นการปลุกความหวัง คืนความฝันให้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง โดยตอนหนึ่ง ส.ส. พรรคเพื่อไทย นำโดย วันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น , สุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ส.ส.กทม. , ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. , นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร , จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด , ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย , จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ , กิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี , อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และ ชญาภา สินธุไพร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ร่วมกันเดินแฟชั่นโชว์ในชุดผ้าย้อมครามสกลบนเวทีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 พรรคเพื่อไทย ประกอบดนตรีแนวอีสานฟิวชั่นที่นำทำนองดนตรีพื้นบ้านอีสานผสมผสานกับดนตรีสากลอย่างลงตัว
สำหรับ ผ้าย้อมครามสกล นับเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านของชาวจังหวัดสกลนคร ซึ่ง ‘สกุณา สาระนันท์’ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย และชาวบ้านในพื้นที่ได้ร่วมกันพัฒนาต่อยอดยกระดับให้เป็นสินค้าเศรษฐกิจฐานราก โดยได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ซึ่งเม็ดสีครามยังสามารถพัฒนาสู่มิติอื่นๆ ได้ อาทิ อาหาร เวชสำอางค์ หรือแม้แต่ ออร์แกนิคเซมิคอนดักเตอร์ (organic-semiconductor) ที่มีศักยภาพในทางการแพทย์ ซึ่งต้นแบบโอทอปในมิติใหม่ ที่เพื่อไทยอยากให้เป็น
สำหรับ โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP ก็เป็นโครงการหนึ่งในนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาลไทยรักไทย ที่นำโดย ดร.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งประสบความสำเร็จและได้รับการชื่นชมอย่างมากจากพี่น้องประชาชน
หัวใจของการพัฒนาสินค้า OTOP คือ การสร้างสินค้าที่มีอัตลักษณ์ จากทรัพยากรและวัฒนธรรมให้เป็นของดีประจำท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อให้เกิดอาชีพ เกิดรายได้ของคนในชุมชน และวันนี้ถึงเวลาของวันใหม่ของ OTOP ซึ่งพรรคเพื่อไทย เล็งเห็นความสำคัญ คุณค่าและโอกาสของสินทรัพย์จากภูมิปัญญาเหล่านี้ให้เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของคนไทย และพร้อมจะผลักดันสินทรัพย์จากภูมิปัญญาของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง