ก้าวแรกการเมือง “แพทองธาร” ลุ้น “นารีขี่ม้าขาว” หมายเลข 2
เพราะนี่คือสัญญาณที่ “ทักษิณ” กำลังปูทางให้ "แพทองธาร" ทายาทสายตรง ใช้โอกาสนี้พิสูจน์ว่า คู่ควรกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่
ถือเป็นเซอร์ไพรส์ที่ “โทนี่ วู้ดซัม” อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ส่งลูกสาวคนเล็ก “แพทองธาร ชินวัตร” เข้ามาทำงานการเมืองในพรรคเพื่อไทย โดยเปิดตัวด้วยตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมใหม่
อีกทั้ง ยังเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ที่มีการรีแบรนด์พรรคเพื่อไทยใหม่เกือบทั้งหมด ทั้งสีประจำพรรคที่เปลี่ยนเป็น“แดงล้วน” โลโก้ใหม่“อักษรสีขาว” สโลแกนที่ตอกย้ำประชานิยมยุคเพื่อไทย
ที่น่าสนใจ คือการเปลี่ยนตัวผู้นำพรรค จากผู้อาวุโสขัดตาทัพ มาเป็นคนที่มีบทบาทโดดเด่นอย่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ขึ้นมานั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเปลี่ยนตัวโฆษกพรรคมาเป็น “ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” โฆษกพรรค ขณะที่กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เปลี่ยนรุ่นเก่าที่ตกค้างออกไป เปิดทางให้นักการเมือง “รุ่นใหม่” มีบทบาทในการบริหารพรรคมากขึ้น
อีเวนท์ประชุมใหญ่พรรคปีนี้ เพื่อไทยเปิดนโยบายครั้งใหม่แต่ละด้าน พร้อมกับเปิดตัวทีมงานที่ขับเคลื่อนอย่างคึกคัก บรรยากาศแทบไม่ต่างกับยุคไทยรักไทยเปิดตัว แต่ยุคนี้ ทีมเบื้องหน้า เน้นคุณรุ่นใหม่ และดึงคนเก่ายุคไทยรักไทยเข้ามาร่วมทีม
ทีมเศรษฐกิจที่ถือเป็นจุดขายสำคัญ งานเบื้องหน้านอกจากดัน “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รองเลขาธิการพรรค และผู้อำนวยการศูนย์นโยบาย และ “จักรพงษ์ แสงมณี” นายทะเบียนพรรค “กฤษฎา ตันเทอดทิตย์” ส.ส.หนองคาย “จักรพล ตั้งสุทธิธรรม” ส.ส.เชียงใหม่ ให้มีบทบาทมากขึ้นแล้ว ยังมี “ณหทัย ทิวไผ่งาม” อดีตรองโฆษกรัฐบาล ยุคพรรคไทยรักไทย เข้ามาเติมนโยบายด้านการศึกษา
ส่วนงานเบื้องหลัง “ทักษิณ” ยังไว้วางใจ “กลุ่มแคร์” ให้คอยเป็นเสมือนทีมยุทธศาสตร์ คอยขับเคลื่อนนโยบายของพรรคเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ โดยมอบหมายให้ “หมอเลี้ยบ” สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เข้ามามีตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค ร่วมวงกับ ภูมิธรรม เวชยชัย และชัยเกษม นิติสิริ เป็นต้น
การปรับทัพของ “ทักษิณ” ครั้งนี้ ต้องการประกาศให้ “ขั้วตรงข้าม” และ “คู่แข่ง” รับรู้ว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ในโหมดพร้อมรบ สัญญาณเลือกตั้งดังขึ้นเมื่อไร พร้อมลงสนาม
ยิ่งการเปิดไพ่ลับอย่าง “แพทองธาร" ทักษิณย่อมคิดอ่านเกมอย่างดีแล้วว่า คนในครอบครัว “ชินวัตร” คือท่าไม้ตายเดียว ที่จะทำให้เพื่อไทย พลิกเกมกลับมาแบบแลนด์สไลด์ เพราะมีข้อพิสูจน์แล้วว่า 49 วันที่ส่งน้องสาวอย่าง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เข้ามา เพื่อไทยก็คว้าชัยชนะได้ไม่ยาก
ครั้งนี้ “ทักษิณ” ประกาศชัดว่า หากจะชนะต้องชนะแบบแลนด์สไลด์ ชนะแบบ“ขั้วตรงข้าม” ไม่กล้าตั้งรัฐบาลมาแข่งด้วย แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเครือข่าย คสช.จะมี 250 ส.ว. โหวตเลือกนายกฯได้อีกยก แต่ “ทักษิณ” มั่นใจว่าหากชนะแบบแลนด์สไลด์ “ประยุทธ์-เครือข่ายคสช.” ไม่กล้าตั้งรัฐบาลสู้ อีกทั้งยังมีโอกาสเปิดดีลการเมืองกับ “มือที่มองไม่เห็น”
เพราะแม้ “ประยุทธ์-เครือข่ายคสช.” จะใช้วิธีใด ชิงตั้งรัฐบาลได้ แต่ก็ยากที่จะไปต่อได้อย่างราบรื่นได้ เพราะต้องเจอปัญหาเสียง ส.ส. ในสภาไม่พอจะผลักดันวาระสำคัญ ทั้งการผ่านกฎหมาย และอภิปรายไม่ไว้วางใจ
โอกาสเดียวของ“ทักษิณ”คือการเลือกตั้งครั้งหน้า ดังนั้นจึงต้องเป็นคนนามสกุล“ชินวัตร”เท่านั้น จึงจะตรึงหัวใจคนอีสาน-คนเหนือ
แม้ก่อนหน้านี้ จะมีชื่อของ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน เพื่อนสนิทของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และ “เขยชินวัตร” ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ที่ได้แรงหนุนจากคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ ณ ป้อมเพ็ชร ให้เข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทว่าการเปิดทางให้ ลูกสาวคนเล็กอย่าง"อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร เดินเข้าพรรคเพื่อไทยมาก่อน เพื่อฝึกวิชาการเมือง
ที่น่าสนใจในการวางสถานะ“แพทองธาร” ให้เชื่อมต่อกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ด้วยเนื้อหางานที่เข้ามาทำ ด้านนวัตกรรมใหม่และเทคโนโลยีที่ทักษิณผู้เป็นพ่อให้ความสำคัญ และยิ่งไปกว่านั้นคือการชิงฐานเสียงคนรุ่นใหม่จากพรรคก้าวไกล หรืออนาคตใหม่ ที่เพื่อไทยถือเป็นคู่แข่งสำคัญในภาคอีสาน ไม่ใช่พลังประชารัฐอย่างที่ภายนอกคาดหมายกัน
หากไม่มีอุบัติเหตุการเมือง ยังเหลือเวลาอีกปีกว่าก่อนจะมีการเลือกตั้ง ระหว่างนี้ จึงถือเป็นการเช็คกระแสไปในตัว หากสัญญาณไม่บวก “ทักษิณ” ก็ยังมีอีกหลายแผนสำหรับแลนด์สไลด์อย่างที่่เขาบอกกับลูกพรรค
ต่อจากนี้ สปอตไลท์การเมืองย่อมส่องทุกย่างก้าว ทุกบทบาทของ "แพทองธาร” ที่จะปรากฎตัวในกิจกรรม อีเวนท์ พื้นที่ฐานเสียงของพรรคอย่างต่อเนื่อง
เพราะนี่คือสัญญาณที่ “ทักษิณ”กำลังปูทางให้ทายาทสายตรง ใช้โอกาสนี้พิสูจน์ว่า คู่ควรกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่