"ก้าวไกล-ก้าวหน้า" ปลุกเกมคู่ขนาน-ประสานแนวรบ
เกมที่ "ค่ายสีส้ม" กำลังเผชิญยามนี้ทั้งกติกาบัตร2ใบ หรือกระแสแลนด์สไลด์ของพรรคใหญ่ ไม่แปลก ที่ความเคลื่อนไหวทั้งพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า จะดูสอดประสานในการ เดินเกมรุกปลุกเกมทั้งในและนอกสภา
ในยามที่ปี่กลองเลือกตั้งกำลังส่งสัญญาณ “ชักธงรบ” ความเคลื่อนไหวของบรรดาพรรคการเมืองยามนี้จึงนี้หนีไม่พ้นการการจัดทัพ แบ่งขุนพล เตรียมความพร้อมในการประกาศแสนยานุภาพสนามเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง
ไม่เว้นแม้แต่ “พรรคสีส้ม” อย่างก้าวไกล ที่รอบนี้เผชิญเกม “บัตร2ใบ” ที่อาจทำให้ให้พรรคไม่เป็น "พรรคส้มหล่น"เหมือนการเลือกตั้งรอบที่แล้ว
เวลานี้พยายามปลุกเกมสกัด “แลนด์สไลด์” เดินเกมรุก-ชิงขุมการเมืองพรรคใหญ่ โดยเฉพาะ“เพื่อไทย” ที่เป็นฐานเเสียงฝ่ายประชาธิปไตยเช่นเดียวกันมิหนำซ้ำ “นายใหญ่ดูไบ” ยังส่งเลือดแท้เข้าคุมเกมพรรค
ตอกย้ำชัดด้วยท่าทีชัดจากท่าทีของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคและ แคนดิเดตนายกฯ ก่อนหน้านี้เลือกจังหวัดอีสานตอนกลางอย่างจ.ขอนแก่นจัดประชุมใหญ่พรรค ประกาศปักธงทุกพื้นที่ภาคอีสานอันเป็นขุมกำลังใหญ่ของเพื่อไทย
คล้อยหลังการประชุมใหญ่ก้าวไกลเพียงไม่กี่วัน “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จึงมีการเปิดคลับเฮาส์นัดพิเศษเพื่อคนอีสาน “ปั้นข้าวเหนียว เคี่ยวความคิดฯ” บลัฟกลับขอโอกาสพาอีสานก้าวกระโดด เทคะแนนให้เพื่อไทยเศรษฐกิจไทยไปรอดแน่!!
ฉะนั้นเกมของก้าวไกลยามนี้นอกเหนือจากการรุกฐาน-ชิงขุมการเมืองแล้ว ยังประสานแนวรบอย่าง “คณะก้าวหน้า” เดิมเกมเจาะฐานเสียงท้องถิ่น
เห็นชัดจากท่าทีของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ก่อนหน้านี้เปิดโปรแกรมทัวร์อีสานติวเข้ม ผู้สมัครนายก อบต. และสมาชิกสภา อบต. เริ่มจากขอนแก่น,มหาสารคาม,อุดรธานี และมุกดาหาร เปิดเกมสู้กระแสทักษิณปูทางไปสู่สนามใหญ่ในอนาคต
อ่านข่าว : "เพื่อไทย-ก้าวไกล" ชิง 3 เจน X-Y-Z “รุ่นใหม่” โจทย์ใหญ่แลนด์สไลด์
ไม่ต่างไปจาก “เกมชิงตลาดรุ่นใหม่” คนGen X, Gen Y และ Gen Z ซึ่งเป็นฐานสำคัญของพรรคก้าวไกลแต่เดิม พร้อมดันกระแส “ติ่ง(ส้ม)” ชิงกระแส “ด้อม...เพื่อไทย” ที่พยายามเจาะฐานเสียงกลุ่มเดียวกัน ปลุกพลังคนรุ่นใหม่เพื่อเปลี่ยนประเทศ
ชิงจังหวะเดียวกับที่ “ม็อบ3นิ้ว” เดิมเกมเคลื่อนไหวบนท้องถนนด้วยข้อเสนอดันเพดาน โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 ซึ่งทางฝั่งม็อบยื่นคำขาด “ต้องยกเลิกเท่านั้น”
ตามด้วยเสียงทวงถามจากแกนนำม็อบอาทิ “ครูใหญ่” อรรถพล บัวพัฒน์ ล่าสุดที่ส่งเสียงผ่านเวทีราชประสงค์เมื่อวันที่31ต.ค.ที่ผ่านมา พูดถึงเงื่อนไขในการตัดสินใจกาบัตรเลือกตั้งให้บรรดาพรรคการเมือง
โดยตอนหนึ่งได้มีการทวงสัญญาใจไปยัง“พรรคผลไม้รสเปรี้ยว” ที่ประกาศยกเลิกม.112 “จะต้องไม่พูดเอาหล่อเท่านั้น”
จึงไม่แปลกที่ก้าวไกลยามนี้จะเลือกที่จะอาศัยจุดอ่อนในการปลุกวาทะกรรม“สู้ไปกราบไป” รวมถึงการเสนอโมเดลที่ไร้ใส้ในของพรรคเพื่อไทย ในการชิงเกมประกาศดันร่างแก้ไขมาตรา112เดิมที่เวลานั้นมีเพียง“44 ส.ส.ก้าวไกล”ที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไข ก่อนถูกตีตกในชั้นแรกก่อนบรรจุเข้าวาระ ด้วยเหตุผล
“เป็นการขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ที่ระบุว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้”
เมื่อเป็นเช่นนี้ก้าวไกลจึงพยายามที่จะดันร่างแก้ไขม.112เข้าสู่สภาเป็นรอบที่2 แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าพรรคกำลังเผชิญ “เกมโดดเดี่ยว” โดยเฉพาะจากพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันที่ไม่ร่วมลงชื่อเสนอร่างแก้ไข แต่เลือกที่จะเลี่ยงบาลีด้วยการใช้กลไกสภาเป็นตัวกลางแทน
หรือแม้แต่รองหัวหน้าพรรคอย่าง “พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์” ยังยอมรับว่า ไม่มีพรรคใดที่แสดงจุดยืนการแก้ไขในเรื่องดังกล่าวหรือแสดงความเห็นใกล้เคียงกับสิ่งที่พรรคดำเนินการ
และแม้ก้าวไกลจะรู้ดีว่า โอกาสที่ร่างแก้ไขดังกล่าวจะผ่านด่านต่างๆในสภาแทบจะไม่มี แต่เมื่อสถานการณ์ภายนอกสภาบีบรัดเช่นนี้หากไม่ทำอะไรสักอย่างก็จะกลายเป็นพูดหล่อๆเหมือนดังเช่นที่แกนนำม็อบบอก
ไม่ต่างไปจาก เพจเฟซบุ๊กคณะก้าวหน้า – Progressive Movement ล่าสุดโพสต์ภาพพร้อมข้อความประกาศชัด ชวนลงชื่อเสนอกฎหมายต่อรัฐสภาเพื่อ “ยกเลิกมาตรา 112” ทางออนไลน์ เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าหมดเวลา 112 ถึงเวลาคืนอนาคตสังคมไทย
จากเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้เองไม่แปลก ที่ความเคลื่อนไหวทั้ง "พรรคก้าวไกล" และ "คณะก้าวหน้า" เวลานี้จะดูสอดประสานในการ เดินเกมรุก-ปลุกเกมทั้งในและนอกสภา
เพียงแค่ส่งสัญญาณ“ลั่นกลองรบ” บรรดาพรรคการเมืองยังส่งสารท้ารบ มีการบลัฟกันไปมาอย่างดุเดือดขนาดนี้ เชื่อได้เลยว่า กว่าจะถึงเวลาจริงยังมีอีกหลายยก หลายศึกที่ต้องติดตามหลังจากนี้