‘แรงงานข้ามชาติ’ ‘รัฐ’ ต้องมอง ‘รอบคอบ’
รัฐบาลต้องมองให้ออกว่า จะมีปัญหาอะไรตามมาบ้าง หรือจะต้องมีขั้นตอนในการรับมือ อย่างไร เพราะหนึ่งในฟันเฟืองที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือ ทุกคนต้องร่วมมือ ร่วมแรงกันอย่างจริงจังโดยมีอาวุธ คือ “วัคซีน” เพราะ
มองให้รอบด้าน ครบทุกมิติ จะรอดทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง
การทะลักเข้ามาของแรงงานข้ามชาติ กำลังเป็นปัญหาที่ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งหาทางออกให้ได้เร็วที่สุด เพราะเกี่ยวพันถึงการควบคุมสกัดการระบาดของเชื้อโควิด-19ในระหว่างการเปิดประเทศที่ยังดำเนินต่อไป ท่ามกลางความหวั่นวิตกถึง “ความเสี่ยง” ที่อาจเกิดขึ้นจากแรงงานเหล่านี้ที่ทะลักเข้ามาทุกช่องทางที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ตรวจคัดกรองโรคก่อนเข้าประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับหน่วยงานความมั่นคง ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ให้เร่งบูรณาการสกัดแรงงานข้ามชาติทุกช่องทางในพื้นที่ตามแนวชายแดน ทั้งทางบก ทางน้ำ อากาศ รวมถึงพื้นที่ตอนในตามมาตรการกำแพง 3 ชั้น
ไม่ว่าจะเป็นให้ประเทศต้นทางใช้ความสัมพันธ์ทางทหาร ประสานข้อมูลกับกองทัพ และเจ้าหน้าที่ของประเทศเพื่อนบ้านด้วยกลไก ทั้งคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย และกลไกของจังหวัด ส่วนท้องถิ่นเป็นช่องทางประสานความร่วมมือ เพื่อร่วมกันเฝ้าระวังแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร กองกำลังชายแดนเข้มงวดตรวจพื้นที่รับผิดชอบ ตรวจคัดกรองบุคคลที่ผ่านเข้าออกในพื้นที่ชายแดน ประสานกระทรวงมหาดไทยให้กำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตรวจคนเข้า-ออกภายในพื้นที่ตัวเอง ขณะที่ กระทรวงแรงงาน โดยกรมจัดหางาน ต้องประสานผู้ประกอบการ ตรวจสอบแรงงานข้ามชาติที่ต้องผ่านการตรวจโรคก่อนเข้าประเทศ
การนำเข้าแรงงานอย่างถูกต้องตามกฏหมายตามระบบ “เอ็มโอยู” เป็นอีกหนทางหนึ่งที่รัฐเชื่อว่า จะแก้ปัญหาการทะลักเข้ามาอย่างมืดฟัามัวดินของแรงงานเหล่านี้ได้ ซึ่งกระทรวงแรงงานจะนำเสนอแผนต่างๆ ต่อ ศบค. วันที่ 12 พ.ย.จากนั้นอีก 30 วัน สามารถนำเข้าแรงงานตามเอ็มโอยูได้ ตามที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ระบุไว้ และไทยต้องฉีดวัคซีนให้แรงงานเหล่านี้ และให้นายจ้างสถานประกอบการรับผิดชอบค่าใช้จ่าย (กรณีคนต่างด้าวติดเชื้อโควิด-19)
การเปิดประเทศควรต้องมองในหลายมิติ ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว ในอดีตต้องยอมรับว่า ประเทศไทย การพึ่งพิงแรงงานข้ามชาติเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ขณะที่ คลื่นแรงงานข้ามชาติที่ทะลักเข้ามาอย่างไม่ถูกต้องตามตะเข็บชายแดน ก็กำลังเป็นปัญหาที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมา และเริ่มจะบานปลาย หากปล่อยช่องโหว่นี้ให้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจะเป็น “รูรั่ว” เป็นการอิมพอร์ต “เชื้อ” เข้ามาหาคนในประเทศ ดังนั้น รัฐบาลต้องหาแนวทางการจัดการให้ทุกอย่าง “ถูกต้อง” เป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหาและมองให้รอบคอบ
ในมุมมองเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจอุตสาหกรรม จากนี้รัฐบาลต้องมองให้ออกว่า จะมีปัญหาอะไรตามมาบ้าง หรือจะต้องมีขั้นตอนในการรับมือ สเต็ปการแก้ปัญหาเป็นอย่างไร เพราะหนึ่งในฟันเฟืองที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือ ทุกคนต้องร่วมมือ ร่วมแรงกันอย่างจริงจังโดยมีอาวุธ คือ “วัคซีน” เพราะอย่าลืมว่า ภัยครั้งนี้ไม่มีเส้นแบ่งเขตพรมแดน ดังนั้น แนวทางการแก้ปัญหา จึงจำเป็นต้องรับมือให้ได้อย่างมืออาชีพ มองให้รอบด้าน ครบทุกมิติ การเปิดประเทศครั้งนี้ จึงจะยังประโยชน์ให้ทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง