“เส้นทางใหม่”ส่อแท้ง “อ๋อย”ดีล“บิ๊ก ส.”เข้าพรรคเกิดใหม่

เมื่อเกมการเมืองเปลี่ยน เมื่อการเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องกลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทำให้ “กลุ่มการเมือง” ที่เคยคิดจะตั้งพรรคการเมือง เพื่อให้มี ส.ส.เข้าสภา หลายกลุ่มเริ่มถอดใจ เพราะบรรดา “นายทุน” คำนวณแล้วว่า หากขืนไปต่อ แต่โอกาสได้ ส.ส.เข้าสภามีเพียงน้อยนิด อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย

จึงทำให้ “กลุ่มการเมือง” เปลี่ยนเกม-เปลี่ยนแนวทางอีกครั้ง จากเดิมแตกตัว-แตกทุน หวังตั้งพรรคการเมือง กลับมารวมตัว-รวมทุน เพื่อขับเคลื่อนพรรคการเมืองให้มีพลังมากที่สุด

เช่นเดียวกับ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ค่อนข้างชำนาญกลเกมการเลือกตั้งบัตร 2 ใบ จากการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 “ทักษิณ” คิดเกมแตกแบงก์ร้อย แยกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) แตกตัวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) หวังเก็บ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แต่กลับเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเสียก่อน

มาช่วงต้นปี 2564 แม้จะมีการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ทำให้ “เดอะอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง ส่งดีลไปยัง “นายใหญ่” เพื่อแตกตัวมาตั้งพรรคของตัวเอง หวังเก็บคะแนนตกหล่นให้พรรคเพื่อไทย

“เดอะอ๋อย” ใช้บริการของคนรู้ใจให้ตั้งพรรคเส้นทางใหม่ โดยมี “แดงเต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. เป็นตัวชูโรงเก็บแต้มทางการเมือง โดยมีฐานเสียงหลักเป็น “คนเสื้อแดง” และมีดีลให้ “แกนนำคนเสื้อแดง” มาร่วมด้วย ช่วยที่พรรคเส้นทางใหม่ โดยมี “นายใหญ่” เป็นทุนหลัก

แต่เมื่อกลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ “นายใหญ่” ไม่จำเป็นต้องใช้บริการพรรคสาขาสอง ทำให้ “พรรคเส้นทางใหม่” ไปต่อได้ยาก จากเดิมที่ “นายใหญ่” คิดจะเป็นทุนหลัก แต่ต้องพับแผนทิ้ง

ว่ากันว่า “เดอะอ๋อย” กำลังหารังใหม่ให้ตัวเอง เพื่อให้มีที่ยืนทางการเมือง จึงยื่นดีลไปยัง “บิ๊ก ส.”

จนระยะหลัง “บิ๊ก ส.” หนีบ “เดอะอ๋อย” ไปเป็นส่วนหนึ่งของดีลการเมืองกับพรรคเกิดใหม่บางพรรคด้วย เพราะหวังจะเพิ่มเครดิตทางการเมือง เพิ่มพลังในการดีล

ทว่าการมีตัวแถมอย่าง “เดอะอ๋อย” กลับทำให้พรรคเกิดใหม่ลำบากใจ เพราะแต่เดิมก็เดินกันคนละทาง ไม่ค่อยกินเส้นกันสักเท่าไร

เมื่อ"เส้นทางใหม่ หนทางก็ไม่สะดวก พรรคทางเลือกก็เงื่อนไขสูง หรือ “เดอะอ๋อย”อาจจะต้องย้อนกลับไปเดินบนเส้นทางเก่า  

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์